รายงานพิเศษ: ปิดฉาก 3BB-JASIF ใต้ปีก AIS

Published on 2022-11-21   By ข่าวหุ้น

ดีลนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อ ADVANC ส่งบริษัทย่อย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) เข้าซื้อหุ้น 3BB สัดส่วน 99.87% คิดเป็นมูลค่า 1.95 หมื่นล้านบาท และเข้าซื้อหน่วยลงทุน JASIF ซึ่ง 3BB เช่าสายไฟเบอร์อยู่ ในสัดส่วน 19% คิดเป็นมูลค่า 1.29 หมื่นล้านบาท

ดีลนี้เกือบสะดุดเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายย่อยที่ถือหน่วยรวมกันถึง 79.37% มีจำนวนถึง 46,257 ราย รวมทั้งผู้ถือหน่วยรายใหญ่ที่เป็นกองทุน ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขบังคับก่อนที่ ADVANC กำหนดไว้ในการทำดีลนี้ ส่งผลให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น JASIF โหวตคว่ำไม่รับเงื่อนไขบังคับดังกล่าว แม้จะอยากได้ AIS มาเป็นสปอนเซอร์รายใหม่ใจจะขาด

เงื่อนไขบังคับก่อนที่ถูกโหวตคว่ำส่วนที่มีสาระสำคัญมากที่สุดคือ การขอแก้ไขรายละเอียดบางประการที่เกี่ยวข้องกับการเช่า, ค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสง (OFCs), การยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า และสัญญาให้บริการจัดหาผู้เช่าทรัพย์สิน

ตลอดจนการเพิ่มค่าเช่าล่วงหน้าที่ 3BB ตกลงชำระให้ JASIF และแก้ไขโครงการจัดการ JASIF ตามที่จำเป็น รวมถึงการแก้ไขโครงการจัดการกองทุนฯ เพื่อให้สามารถคืนเงินลงทุนในจำนวนไม่เกินค่าเช่าล่วงหน้าที่ 3BB ตกลงชำระให้ JASIF

มติในครั้งนี้ทำให้ ADVANC ต้องถอยมาตั้งหลักบวกลบคูณหารใหม่ว่ายังคุ้มค่าหรือ และสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินหน้าลุยต่อ จึงถือว่าดีลซื้อ 3BB และหน่วยลงทุน JASIF จาก JAS ครั้งนี้จบแล้ว เหลือเพียงการเสนอคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พิจารณา

ADVANC ให้เหตุผลว่าเป็นการมองผลระยะยาวที่จะช่วยให้บริษัทขยายธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านได้ก้าวกระโดดจากฐานลูกค้า 2.1 ล้านราย เป็น 4.4 ล้านราย และมีโครงข่ายไฟเบอร์ที่เข้าถึงลูกค้ากว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์แบบ Cross-Selling

อย่างไรก็ตาม ADVANC มีแผนจะยุติการเช่าจาก JASIF หลังสัญญาหมดอายุในเดือนมกราคม 2575 โดยมีแผนจะตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นทางเลือกในการนำสินทรัพย์ของบริษัทขายเข้ากองทุน รองรับการขยายตัวในระยะยาว ช่วยแก้ปัญหาต้นทุนค่าเช่าได้

ดีลนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาส 1 ปี 2566 โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองต่ออนาคตของ ADVANC ต่อจากนี้ว่าเป็นผลบวก โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าดีลนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ซึ่งจะมาจาก 3BBราว ๆ 11% ของรายได้จากบริการหลักของ ADVANC ในปีหน้า แต่จะถ่วงกำไรลงเล็กน้อย (ขาดทุนจากการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งคิดเป็น 3.75% ของกำไรหลักในปี 2566 ของ ADVANC)

และคาดกำไรหลักของ ADVANC ในปีหน้า ที่ 2.88 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งรวมผลขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาท จากการซื้อ 3BB และ JASIF ไว้แล้ว ให้ราคาเหมาะสม 12 เดือนข้างหน้า 247 บาท

ขณะที่ บล.บัวหลวง ฟันธงว่ากำไรของ ADVANC จะถูกฉุดลงเล็กน้อยในปี 2566-2568 อ้างอิงประมาณการค่าเช่ารายปีที่ AIS หรือ 3BB ต้องจ่ายให้กับ JASIF ที่ 1.039-1.049  หมื่นล้านบาทต่อปี ในช่วงปีดังกล่าว นอกจากนี้ยังต้องจ่ายค่าเช่าหลัก 9.73 พันล้านบาท ถึง 1.008 หมื่นล้านบาทต่อปี ระหว่างปี 2569-2571 และ 6.45-8.94 พันล้านบาท ในปี 2572-2581

ค่ายนี้มองว่า 3BB มีแนวโน้มขาดทุนสุทธิต่อปี จำนวน 1.56 พันล้านบาท ในปีหน้าและ 1.41 พันล้านบาท ในปีถัดไป ขณะที่ปี 2568 ยังขาดทุน 1.08 พันล้านบาท 3BB น่าจะกลับมามีกำไรเล็กน้อยในปี 2569 ราว ๆ 167 ล้านบาท

ดังนั้น เมื่อรวมงบของ 3BB เข้าไปในประมาณการของ ADVANC โบรกเกอร์ต่างปรับประมาณการกำไรลง 4.4% สำหรับปี 2566 เหลือ 2.518 หมื่นล้านบาท และปรับกำไรลงอีก 5.5% ในปี 2567 เหลือ 2.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในปี 2568 ถูกปรับลดลงอีก 3.5% เหลือ 2.704 หมื่นล้านบาท ในแง่ของราคาเป้าหมาย (วิธี DCF) ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.5 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 0.6% ไปเป็น 246.50 บาท

ดีลนี้ปิดฉากจบลงอย่างสวยงาม แฮปปี้เอนดิ้งกันทุกฝ่าย ทั้ง ADVANC ในฐานะผู้ซื้อ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ที่ยอมยืดหนี้ ลดดอกเบี้ยให้ ตอบรับความเชื่อมั่นที่มีต่อสปอนเซอร์รายใหม่

แต่ความสำเร็จของดีลนี้...คนที่...แฮปปี้...มากที่สุด หนีไม่พ้น “พิชญ์ โพธารามิก” นั่นเอง