ADVANC ดีลซื้อ JASIF กสิกรไทย มองผลกระทบระยะสั้น บวกระยะยาว

Published on 2022-10-19   By ทันหุ้น

#ADVANC #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด ส่องหุ้น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC จากกรณีที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF อนุมัติการขายหุ้น JASIF 19% ให้ AWN ของ JAS แต่ไม่อนุมัติการสิ้นสุดสัญญารับประกันรายได้ ตามที่ฝ่ายวิจัยคาด ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ดีขึ้นและมูลค่าการผนึกกำลังจากดีลนี้มีน้ำหนักมากกว่าผลกระทบเชิงลบต่อกำไร เงินปันผล และอัตราหนี้สินในระยะสั้น แนะนำ “ซื้อ” หนุนจากข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ดีขึ้นจากการรวมตลาด FBB และการสปินออฟทรัพย์สินเพื่อปลดล็อกมูลค่าที่อาจเกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 18 ต.ค. JASIF รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน (EGM) อนุมัติข้อเสนอของ ADVANC ในวาระดังต่อไปนี้ 1) การโอนสิทธิความเป็นเจ้าของของ JASIF (สัดส่วนการถือหุ้นที่ 19%) จาก JAS ไปยัง AWN (บริษัทในเครือของ ADVANC) พร้อมการแก้ไขสัญญาบางรายการ เช่น การยกเลิกข้อตกลงห้ามค้าแข่ง เป็นต้น และ 2) การบทวนและ/หรือการยกเลิกข้อตกลงบางรายการในสัญญา อย่างไรก็ดี EGM ไม่อนุมัติข้อเสนอของ ADVANC ในเรื่องการยุติสัญญารับประกันรายได้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการชำระเงินค่าเช่าล่วงหน้า การต่อสัญญาเช่าและเงื่อนไขเงินกู้ใหม่จาก BBL

มุมมองของฝ่ายวิจัย มติจาก EGM ของ JAS เมื่อวันที่ 6 ต.ค. และของ JASIF เมื่อวันที่ 18 ต.ค. สะท้อนว่าผู้ถือหุ้นของ JAS และผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF ส่วนใหญ่เห็นชอบที่จะขายสิทธิความเป็นเจ้าของของ JAS ใน TTTBB (100%) และ JASIF (19%) ให้กับ AWN ในราคาที่ 3.242 หมื่นลบ. โดยไม่มีการยกเลิกสัญญารับประกันรายได้ในที่สุดแล้ว ADVANC อาจต้องจ่ายเงินทั้งหมดที่ 1.48 หมื่นลบ. สำหรับดีลทั้งหมด (ปรับเป็นมูลค่าปัจจุบัน)

เหตุการณ์ที่คาดจะเกิดขึ้นต่อไป เหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะกลับไปยังการตัดสินใจของบอร์ดบริหารของ ADVANC ว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธเพื่อเดินหน้าดีลซื้อกิจการ TTTBB และ JASIF จาก JAS ภายใต้เงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ฝ่ายวิจัยคาดว่าบอร์ดบริหารของ ADVANC จะตัดสินใจภายใน 1 หรือ 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ และเนื่องจากผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF มีท่าทีที่ค่อนข้างชัดเจน ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่ามีความเป็นไปได้ต่ำที่ ADVANC จะกลับมาเจรจารอบใหม่

มุมมองตรงข้ามของฝ่ายวิจัย จากความเข้าใจของฝ่ายวิจัย ตลาดค่อนข้างเชื่อมั่นว่า ADVANC จะไม่เดินหน้าดีลนี้ต่อหากข้อเสนอใดๆ เช่น การสิ้นสุดสัญญารับประกันรายได้ ไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF อย่างไรก็ดี ยังคงมุมมองเดิมที่คาดว่า ADVANC น่าจะเดินหน้าดีลนี้ต่อแม้ไม่มีส่วนลดค่าเช่า การคำนวณของฝ่ายวิจัยสะท้อนว่า equity value รวมจากการรวมตลาด fixed broadband (FBB) น่าจะไม่น้อยกว่า 10.6 บาท ต่อหุ้น ADVANC ซึ่งมูลค่า 3.77 บาท มาจากมูลค่าปัจจุบันของส่วนลดค่าเช่าตลอดสัญญาเช่าในอัตราส่วนลดที่ 9.2% นอกจากนี้ เชื่อว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของ ADVANC และความคืบหน้าในการควบรวมกิจการระหว่าง DTAC และ TRUE อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ดีลรายการนี้เกิดขึ้น

ผลกระทบด้านการเงินที่อาจเกิดขึ้น ในเชิงบวก หากคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยถูกต้องและ ADVANC เดินหน้าดีลรายการนี้ต่อ ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ของ ADVANC ของฝ่ายวิจัยคาดจะมี upside ที่ 6.83 บาท หรือ 2.7% ในเชิงลบADVANC อาจต้องแบกรับผลขาดทุนจาก TTTBB ที่ 541 ลบ. หรือ 0.18 บาท ต่อหุ้น ADVANC ในปี 2566 ก่อนที่จะรับรู้มูลค่าจากการผนึกกำลัง

ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติปี 2565-67 ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อิงด้วยวิธี DCF ที่ 249.45 บาท และคำแนะนำ “ซื้อ” ADVANC ปัจจัยหนุนราคาหุ้นคาดจะมาจาก 1) ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ดีขึ้นของตลาดโทรศัพท์มือถือและ FBB หลังรวมตลาดและ 2)การปลดล็อกมูลค่าที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสปินออฟทรัพย์สินทั้ง data center และเสาส่งสัญญาณ หาก ADVANC ตัดสินใจล้มเลิกดีลรายการนี้ อาจสูญเสียข้อได้เปรียบทางการแข่งขันหากดีลควบรวมกิจการระหว่าง DTAC และ TRUE เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี หาก ADVANC ตัดสินใจเดินหน้าดีลรายการนี้ต่อ โดยไม่มีส่วนลดค่าเช่า ความสามารถในการสร้างกำไรสุทธิและจ่ายเงินปันผลอาจได้รับผลกระทบใน 1-2 ปี

ด้านปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1) การรวมกิจการล้มเหลว 2) สงครามราคาที่รุนแรงและ 3) ผลขาดทุนจากการรวมกิจการ