รายงานพิเศษ: ลุ้นประชุมผู้ถือหน่วย JASIF วันนี้

Published on 2022-10-18   By ข่าวหุ้น

วันที่ 18 ตุลาคมนี้ เป็นอีกหนึ่งวันที่จะต้องใจจดใจจ่ออยู่กับการประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วย ครั้งที่ 1/2565 ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร หลังจากมีการทดลองจัดประชุม หรือ Pre E-EGM ไปแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์เป็นไปอย่างดุเดือด

ในงานนี้ผู้ถือหน่วยทั้งรายย่อยและบรรดากองทุน “ฉะแหลก” มองว่าเงื่อนไขซึ่งบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ที่จะเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน หรือสปอนเซอร์รายใหม่ กำหนดไว้นั้น ไม่คุ้มค่า แถมยังทำให้ผู้ถือหน่วยต้องสูญเสียผลตอบแทนที่เคยได้รับในระดับสูงถึง 9% ไปซะอีก

ADVANC ได้เจรจาตกลงซื้อหุ้นบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบรนด์ จำกัด (TTTBB) หรือ 3BB และหน่วยลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน จากบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ภายใต้เงื่อนไขให้ยกเลิกสัญญาเช่าบางส่วนของJASIFลง เพื่อทำให้การบริหารกองทุนฯ มีความคล่องตัวขึ้น ไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงเกินไป

และแม้จะทำให้รายได้ค่าเช่าของJASIFลดลง แต่ก็แลกกับการขยายอายุของสัญญาเช่าที่นานขึ้นจากสิ้นสุดปี 2575 เป็นสิ้นสุดปี 2580 ลดความเสี่ยงด้านกระแสเงินสด และมีโอกาสได้รับการอัดฉีดสินทรัพย์ในอนาคต โดยจะมีการจ่ายเงินค่าเช่าสายใยแก้วนำแสงล่วงหน้าให้รวม 3,000 ล้านบาท แบ่งชำระเป็น 3 งวด งวดละ 1,000 ล้านบาท

ในการทดลองประชุมครั้งนี้มีผู้ถือหน่วยมาเข้าร่วมเพียง 150 ราย จากทั้งหมด 50,000 ราย ซึ่งจากการซาวเสียงในเบื้องต้น ผู้ถือหน่วยรายย่อย “รังสรรค์ บำบัดสรรพโรค” มองว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงสปอนเซอร์ใด ๆ สัญญาเงื่อนไขก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

และเชื่อว่าผลตอบแทนที่จะได้รับจะยังอยู่ในระดับสูงไปจนครบสัญญา เพราะได้ไปแกะงบการเงิน 3BB มาแล้ว พบว่ามีการเติบโตเฉลี่ย 10.25% ต่อปี โดยเฉพาะปี 2564 อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท ค่าเช่าอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าในระยะยาวก็ยังจ่ายค่าเช่าได้ดีอยู่

ขณะที่ กลุ่ม “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” นักลงทุนสถาบันที่มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมกันจำนวนมากที่สุดไม่ได้เข้าร่วมในรอบ Pre E-EGM แต่ในการประชุมรอบนี้เชื่อว่ากลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะไม่พลาด จะเข้าร่วมประชุมด้วยแน่นอน ซึ่งรวมถึงนักลงทุนสถาบันรายอื่น ๆ

โดยนักลงทุนสถาบันที่ถือ JASIF (ณ 14 มีนาคม 2565) ประกอบด้วย THE BANK OF NEW YORK MELLON (3.60%) บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (2.82%) บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (2.72%) ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (2.16%)

บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (1.82%) SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED (1.64%) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (1.58%) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (1.36%) และ STATE STREET EUROPE LIMITED (1.31%)

เคส ADVANC ซื้อ JASIF เป็นอีกหนึ่งเคสที่คาดเดาได้ยากว่าจะ “ออกหัว” หรือ “ออกก้อย” และเป็นเคสที่มีความเห็นหลากหลายไปในทิศทางแตกต่างกัน

“พรชลิต พลอยกระจ่าง” Deputy Managing Director Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุน JASIF เชื่อว่าการที่ ADVANC เข้ามาซื้อหุ้น 3BB จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยกองทุน JASIF มากกว่าการอยู่ภายใต้เจ้าของสินทรัพย์เดิม

แนวโน้มหลังจากมีการควบรวมแล้วจะทำให้โอกาสทางธุรกิจของกองทุนเปิดกว้างมากขึ้น เนื่องจาก ADVANC จะมีส่วนแบ่งการตลาดของอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายใยแก้วเพิ่มขึ้นเป็น 35-36% เทียบเท่ากับผู้นำตลาดอย่างทรู และยังมีโอกาสที่ลูกค้าเครือข่ายมือถือของ ADVANC จะมาใช้บริการฟิกซ์บรอดแบนด์ควบคู่ไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ในอนาคตกองทุนยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจาก ADVANC ยังมีสินทรัพย์ที่สามารถนำเข้ามาลงทุนเพิ่มได้มากกว่าของเจ้าของเดิม

ส่วนการแก้เงื่อนไขสัญญาเดิมของกองทุนเรื่อง 1.1 ขอยกเลิกข้อห้ามแข่งขัน 1.2 การยกเลิกสัญญาการประกันรายได้ค่าเช่าและการลดค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสงที่อยู่ในวาระที่ 1.3 การยกเลิกสัญญาบัญชีธนาคารนั้น การแก้ไขเรื่องการยกเลิกการแข่งขันเนื่องจาก ADVANC จำเป็นจะต้องขยายเครือข่ายมือถือ และถ้ามองในเรื่องต้นทุนในการวางระบบใยแก้วใหม่ที่สูงแล้ว เชื่อว่า ADVANC คงไม่ทำ ถึงแม้จะมีศักยภาพที่จะทำได้ภายใน 2 ปีก็ตาม

สำหรับการยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า และสิทธิในการต่อสัญญา 10 ปี ในส่วนของรายได้จะถูกทดแทนด้วยการต่อสัญญาเช่าออกไปอีก 5 ปี ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วผู้ถือหน่วยจะได้ผลตอบแทนดีขึ้น ส่วนสิทธิการต่อสัญญานั้นก็เป็นไปได้ยากด้วยเช่นกัน เนื่องจากรายได้ยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไข

นอกจากนี้ การที่ ADVANC จ่ายเงินให้อีกปีละ 1 พันล้านบาท น่าจะนำมาเป็นเงินจ่ายลงทุน รวมถึงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ของกองทุนจากการเปลี่ยนเจ้าของเป็น ADVANC อีก 50 สตางค์ และขยายเวลาชำระหนี้อีก 2 ปี จะทำให้กองทุนมีภาระลดลง ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อกองทุนและผู้ถือหน่วยมากกว่า

ด้าน “พิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์” ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กลับเห็นว่าทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ถือหน่วย JASIF คือการเปลี่ยนสปอนเซอร์จาก JAS เป็น ADVANC โดยไม่สิ้นสุดสัญญาประกันรายได้และลดค่าเช่า

การประชุมผู้ถือหน่วย JASIF ในวันนี้ คงต้อง “ลุ้น” กันตัวโก่งว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งงานนี้ไม่ได้ลุ้นเฉพาะ ADVANC และผู้ถือหน่วย JASIF เท่านั้น

แต่ “ชาติศิริ โสภณพณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์กรุงเทพ (BBL) ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ วงเงิน 18,160 ล้านบาท ที่ยินยอมยืดหนี้ ปรับโครงสร้างการชำระหนี้ให้ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าข้อเสนอทั้งหมดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เงื่อนไขที่ ADVANC เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญของกองทุน JASIF ในวันนี้ต้องได้รับการอนุมัติเท่านั้น ก็ต้องนั่งลุ้นด้วย

ส่วนคนที่ลุ้นมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “พิชญ์ โพธารามิก” ผู้ถือหุ้น 54.65% จำนวน 4.70 พันล้านหุ้น รายใหญ่อันดับ 1 ของ JAS ในฐานะผู้ขายที่แท้จริงนั่นเอง