สัมภาษณ์: JASIF ต้องเปลี่ยนสปอนเซอร์เพื่อความมั่นคงทางการเงิน
รายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” สัมภาษณ์พิเศษ “นายธีร์ สีอัมพรโรจน์” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงินบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ “นายกรภัทร วรเชษฐ์” ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในเรื่องเกี่ยวกับกรณี ADVANC จะเข้าซื้อหุ้นใน
นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงินบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า ที่ADVANC จะซื้อ
อย่างไรก็ตาม ฝั่งผู้ขายก็มีความต้องการขาย เนื่องจากมีความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงโควิด แม้ความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตบ้านจะเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่การแข่งขันก็รุนแรงมากADVANC เห็นการแข่งขันตั้งแต่ธุรกิจมือถือ รวมถึงธุรกิจบรอดแบนด์ด้วย ดังนั้น การซื้อ
ขณะที่การดำเนินกิจการภายใต้สัญญาเดิมระหว่าง
"ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาปริมาณความต้องการใช้เน็ตบ้านมีมากขึ้น แต่ในเรื่องของราคาค่อนข้างลดลงอย่างมีนัย เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างเข้มข้นของผู้เล่นรายต่าง ๆ ขณะที่ราคาค่าเน็ตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 500 บาท ซึ่งปัจจุบันผู้แข่งขันหลายรายมีบริการมากกว่าเน็ตบ้าน บริษัทจึงมีหลาย ๆ บริการเข้าไปเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด"
นายธีร์ กล่าวต่อว่า TRUE กับ AIS ลูกค้าบรอดแบนด์เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ลูกค้าของ
ทั้งนี้ อยากให้นักลงทุนในฝั่งของ JASIF มองเรื่องความมั่นคงของสปอนเซอร์ ความแข็งแรงของธุรกิจของผู้เช่าควบคู่ไปด้วย ซึ่งหากเปลี่ยนมาเป็นได้ADVANC ก็มีความแข็งแรงมาก และทำให้กองมีความมั่นคงสูงขึ้น แต่หากดูตัวเลขของฝั่ง
นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เงื่อนไขที่ADVANC จะขอปรับเปลี่ยนสัญญาเพื่อเป็นการเปิดทาง และสามารถแข่งขันทางธุรกิจได้ วาระแรกเป็นเรื่องของการขอเปลี่ยนสปอนเซอร์ ซึ่งน่าจะช่วยให้กองทุนมีความเสี่ยงที่ต่ำลง ส่วนวาระที่สอง คือการเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาเช่า เพื่อใหธุรกิจเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง โดยจะคงสัญญาเช่าหลักและขยายอายุสัญญาเพิ่ม 6 ปี รวมเป็น 15 ปี อาจจะมีการปรับปรุงราคาเล็กน้อย เพื่อให้ช่วงต้นกองยังจ่ายเงินปันผลที่สูงและเหมาะสมได้อยู่ จึงเสนอเพิ่มเติมด้วยการชำระค่าเช่าล่วงหน้าปีละ 1 พันล้านบาท 3 ปีแรก เท่ากับ 3 พันล้านบาท
ประกอบกับผู้จัดการกองทุนได้คุยกับผู้ให้กู้ เพื่อปรับเงื่อนไขเงินกู้ ทั้งการคืนเงินต้นและลดดอกเบี้ยลง 0.5% ซึ่งจะทำให้กระแสเงินสดดีขึ้นใน 5 ปีแรก และจะสามารถจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นทั้งหมดที่ทำเมื่อเทียบกับสัญญาปัจจุบันนั้น สัญญาปัจจุบันจะได้เงินปันผลรวม 9 ปี อยู่ที่ 7.8% ขณะที่สัญญาให้ 15 ปี อยู่ที่ 9.2% ดังนั้น ความมั่นคง และเสถียรภาพของกองหากเปลี่ยนสปอนเซอร์แล้ว ความแข็งแรงของสปอนเซอร์ประกอบกับความแข็งแรงของธุรกิจจะค่อนข้างมั่นคง โดย 3 ปีแรกอย่างต่ำ ๆ เงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 0.79-0.81% คิดเป็นยีลด์ปัจจุบันอยู่ใกล้ ๆ 10%
อย่างไรก็ตาม หากข้อเสนอเหล่านี้ถูกยอมรับจากผู้ถือหน่อย ก็มีโอกาสที่จะเป็นกองที่มั่นคง เติบโตมากขึ้น เพราะในอนาคตADVANC หรือ
สำหรับประเด็นว่าทำไมADVANC ต้องขายสินทรัพย์เข้ามาในกองเพิ่มเติมแทนที่จะออกหุ้นกู้นั้น ขอชี้แจงว่า หุ้นกู้ถ้าจะออกได้ในมุมของต้นทุนถ้ามองเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์อัตราดอกเบี้ยจะต่ำกว่า แต่อายุที่ใช้ได้ก็จะจำกัด ขณะที่การขายสินทรัพย์ที่อาจจะไม่ต้องถือไว้เองทั้งหมด แล้วแปลงสินทรัพย์เป็นตัวเงินเพื่อมาลงทุนเพิ่มเติมจะได้รับผลในระยะยาวมากขึ้น
ส่วนในกรณีที่ADVANC มีบริการในส่วนของมือถือ และอินเทอร์เน็ตบ้านอยู่แล้ว จะมีโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้ JASIF หรือไม่นั้น คงต้องดูในอนาคตเรื่องความต้องการใช้งานของผู้บริโภค หากมีความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้นมาก ๆ ทางทีมงานจะดูเพิ่มเติมว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่เบื้องต้นหากดูจากปริมาณการใช้ในปัจจุบันน่าจะไม่สามารถเช่าเพิ่มได้ เพราะ
โนมูระฯ หนุนเปลี่ยนสปอนเซอร์
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายหลังจากที่ฟังมุมมองของADVANC ภาพที่มองไม่ได้เปลี่ยนจากเดิม เพียงแต่เห็นความเสี่ยงของกองทุน JASIF ภายใต้การบริหารจัดการเดิมชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จุดของการเร่งตัวเกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้มากพอสมควร โดยหลังปี 2559 เป็นต้นมาเป็นจุดที่ AIS เข้ามาแข่งขันด้วย ทำให้ผู้ประกอบการไฮสปีดเพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย ได้แก่ TRUE, NT,
โดยภาพรวมตั้งแต่เข้ามาแข่งขันนั้น TRUE กับ AIS ค่อนข้างจะมีความพร้อมรอบด้าน จึงเห็นการเติบโตของโครงสร้างรายได้ของ
สำหรับธุรกิจทั่วไปหากสภาพคล่องเริ่มไม่เหมือนเดิมภายใต้อุตสาหกรรมที่แปรเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ต้องยอมรับว่าการขาดสภาพคล่องถือเป็นความเสี่ยงในระยะกลาง-ยาว
ดังนั้น หากแยกออกเป็นแต่ละเคส ได้แก่ วาระแรกคือการพิจารณาให้
ขณะเดียวกัน หากผลออกมาในแต่ละเคส ราคาหุ้นจะตอบรับแตกต่างกันไป ได้แก่ กรณีแรก JASIF ภายใต้สัญญากับสปอนเซอร์หลักรายเดิม ประเมินมูลค่าเป้าหมายที่ 9.20 บาท แต่หากไม่อนุมัติภาพจะเป็นในลักษณะของการไซด์เวย์ อาจจะไซด์เวย์ดาวน์ และเริ่มเห็นความเสี่ยงของกระแสเงินสดระยะยาวมากขึ้น ราคาหุ้นจะออกมาในโซนเป็นกลาง หรืออาจจะลบเล็ก ๆ ต่อประเด็นนี้
แต่ในกรณีกลับกันหาก AWN (บริษัทลูกของADVANC)เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ มูลค่าพื้นฐานประเมินที่ 9.50 บาท โดยหากออกมาในรูปแบบนี้ราคาหุ้นน่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ
ส่วนกรณีของ
ทั้งนี้ ต้องบอกว่าเป็นความคาดหวังของตลาด ก็มีโอกาสที่
ขณะที่ADVANC หากไม่มีการอนุมัติออกมาราคาหุ้นจะไม่ได้ออกมาในเชิงลบ แต่อาจจะไซด์เวย์ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของADVANC เอง แต่หากสำเร็จจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทประมาณ 2-3 บาท จากมูลค่าพื้นฐานปัจจุบันที่ประเมินไว้ 252 บาท ขณะเดียวกัน ความสามารถในการแข่งขันของADVANC จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นายกรภัทร กล่าวอีกว่า ภายใต้สัญญาเดิมนักลงทุนอาจได้จะได้ผลตอบแทนที่สูงในระยะสั้น แต่มูลค่าระยะยาวที่ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับแคชโฟลว์ที่ไม่นิ่ง หรือมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ขณะที่ปันผลรวมภายใต้สัญญาใหม่จะสูงกว่า โดย 15 ปี คิดเป็นยีลด์เฉลี่ยที่ 7.5% ถือว่าน่าจูงใจภายใต้ภาพของกองทุนอินฟราฟันด์ทั่วไปที่อยู่ในตลาด ขณะที่ ภายใต้สัญญาเดิมยีลด์จะสูงช่วงแรก พอช่วงปลายจะแผ่วลง อายุสัญญาสั้นกว่า ยีลด์เฉลี่ยอยู่ประมาณ 7.35% อันนี้ยังไม่ได้รวมการทำ Asset Injection ซึ่งทาง AIS มีทรัพย์สินโทรคมนานคมที่พร้อมขายเข้ากองทุน 2.77 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 หักค่าเสื่อมก็จะอยู่ที่ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท ถือว่าค่อนข้างมาก แต่ในส่วนของ
อย่างไรก็ต้อง ขอให้นักลงทุนนำข้อมูลต่าง ๆ ไปใช้ในการพิจารณาลงทุนประกอบ และตัดสินใจด้วยตัวเอง