รายงานพิเศษ: วัดใจผู้ถือหน่วย JASIF
ราคาหน่วยลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF รวมถึงหุ้น บริษัท
ซึ่งการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้สินในครั้งนี้จะทำให้ JASIF ประหยัดค่าใช้จ่ายการชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ยได้ประมาณ 1,000-1,100 ล้านบาทต่อปี ในช่วงระยะเวลา 5 ปีแรกหลังจากสัญญาใหม่มีผล ทำให้เงินปันผลเพิ่มขึ้นได้ตามสัดส่วนของภาระที่ลดลงหรือคิดเป็นมูลค่าเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.13 บาทต่อหน่วยต่อปี
หากรวมกับข้อเสนอการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าจำนวนเงินรวม 3,000 ล้านบาท ที่ ADVANC ได้เสนอไปก่อนหน้านี้ จะทำให้เงินปันผลในช่วง 3 ปีแรกของ JASIF ใกล้เคียงกับที่ได้รับจากสัญญาเช่าเดิม
แรงซื้อที่กลับเข้ามาอีกครั้งสะท้อนว่านักลงทุนพักยก ชะลอการกระหน่ำขายหน่วยลงทุน JASIF เพราะพึงพอใจกับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่จะกลับขึ้นมาอยู่ในระดับ 8-9% อีกครั้ง เมื่อบวกเพิ่มกับความใจป้ำของ ADVANC ในการเสนอจ่ายค่าเช่าโครงข่ายสายใยแก้วนำแสงล่วงหน้า 3 พันล้านบาทให้ JASIF เพื่อลดผลกระทบและเป็นการ “ซื้อใจ” ผู้ถือหน่วยให้ยอมโหวตผ่านดีล ADVANC เข้าซื้อหุ้น
โดยนับตั้งแต่ประกาศดีลนี้ (ในเดือนกรกฎาคม) ราคา JASIF ทรง ๆ ทรุด ๆ ถูกขายมาอย่างต่อเนื่องลงไปต่ำสุด 7.15 บาท จากก่อนหน้านี้จะมีการประกาศดีลราคาเคยอยู่ที่ 10-11 บาท
และในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังโดนเทขายหนักอีกครั้ง จากความเห็นนที่ปรึกษาการเงินอิสระ ซึ่งระบุว่าผู้ถือหุ้น
1.ความไม่แน่นอนของการดำเนินธุรกิจในอนาคต เนื่องจากบริษัทยังไม่มีแผนจะนำเงินสดคงเหลือดังกล่าวไปลงทุนในธุรกิจอื่น เพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคตให้กับผู้ถือหุ้นบริษัท
2.ที่ปรึกษาการเงินอิสระยังไม่สามารถยืนยันถึงความสมเหตุสมผลในสัญญาซื้อขายหุ้นและหน่วยลงทุนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากการเข้าทำธุรกรรมจำหน่ายหุ้น และจำหน่ายหน่วยลงทุนครั้งนี้ ยังมีเงื่อนไขบังคับก่อนอีกหลายข้อที่ยังมีความไม่แน่นอน รวมทั้งการเข้าทำรายการจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
“ข่าวหุ้นธุรกิจ” ได้เกาะติดตามความเคลื่อนไหวในส่วนของผู้ถือหน่วยรายย่อยของ JASIF ที่มีจำนวน 46,257 ราย มาอย่างต่อเนื่อง พบว่าในช่วงวันที่ 12-13 กันยายนที่ผ่านมา แม้ ADVANC จะยอมจ่ายเงินเพิ่มอีก 3 พันล้านบาท ให้ JASIF แต่ในโลกออนไลน์ บรรดาเม่าทั้งหลายที่มีสัดส่วนถือหน่วยรวมกันถึง 79.37% ยังไม่พอใจ
โดยมีการเรียกร้องให้ไปรวมตัวกันผ่านห้องโอเพ่นแชทไลน์ ที่ชื่อ “JASIF ร่วมกันโหวตคว่ำมติแก้ไขค่าเช่าของ ADVANC” เพื่อ “โหวตไม่ผ่าน” ดีลนี้ในการประชุมวิสามัญของกองทุนในวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ซึ่งเลื่อนมาจากวันที่ 23 กันยายน
ซึ่งงานนี้ยังมีความพยายามในการประสานความร่วมมือไปยังรายย่อยกลุ่มที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอให้คุ้มครองผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF โดยพิจารณาถอดถอนวาระที่ 1.3 และ 1.4 ของการประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 1/2565 ประเด็นเพื่อพิจารณาอนุมัติผ่อนผัน และ/หรือ แก้ไขรายละเอียดบางประการในสัญญาจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐาน และยกเลิกสัญญาบางฉบับที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขโครงการจัดการกองทุนรวม ซึ่งต่อมา JASIF ได้เปลี่ยนแปลงวาระการประชุมใหม่
การตัดสินใจของ BBL ในครั้งนี้จะช่วยปลดล็อกปัญหาดีล ADVANC ซื้อ
JASIF ได้กู้ยืมเงินกับ BBL เพื่อนำเงินกู้มาซื้อทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มเติมในปี 2562 วงเงิน 18,160 ล้านบาท โดยสัญญาสินเชื่อมีข้อกำหนดห้ามไม่ให้กองทุนแก้ไขแปลงหนี้ หรือยกเลิกสัญญาจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐาน เว้นแต่กฎหมายกำหนด
BBL ยกเหตุผลของการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการชำระหนี้เงินกู้ของ JASIF ว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนตัวผู้สนับสนุนเป็น AWN ซึ่งมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ความเสี่ยงของธุรกิจของกองทุนรวมลดลง ประกอบกับโครงสร้างค่าเช่าใหม่จะทำให้
ส่วนในระยะยาว การที่ AWN ก้าวเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนรายใหม่ให้แก่ JASIF จะทำให้ความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนภายนอกได้มากขึ้น ส่งผลให้ JASIF มีความสามารถในการซื้อสินทรัพย์โทรคมนาคมใหม่ ๆ เข้าสู่กองทุน และรับผลตอบแทนได้มากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้งหมดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเงื่อนไขที่ ADVANC เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญของกองทุน JASIF ในวันที่ 18 ตุลาคมต้องได้รับการอนุมัติเท่านั้น
งานนี้ดู ๆ แล้วดีล ADVANC ซื้อ