JAS เล็งซื้อ JTS ถือเพิ่ม 70% หวังดีลขาย 3BB-JASIF ฉลุย

Published on 2022-09-09   By ข่าวหุ้น

กลุ่มจัสมินฯ หวังดีลขาย 3BB และ JASIF สำเร็จ! เล็งชงบอร์ดนำเงินส่วนหนึ่งลงทุนซื้อหุ้น JTS เพื่อเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 60-70% จากเดิมกลุ่มจัสมินฯ ถือรวมกัน 50.91% เหตุมองธุรกิจบิตคอยน์ยังมีอนาคต คาดราคาดีดกลับในช่วงกลางปีหน้า หลังเชื่อแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง คนจะกลับมาลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ขณะที่บิตคอยน์เป็นจุดเริ่มต้นสู่ยุค Web 3.0

แหล่งข่าววงการเงิน เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า หากบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JASสามารถปิดดีลการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยและกิจการที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB (3BB) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF ให้แก่บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC) มูลค่ารวมทั้งสิ้น 32,420 ล้านบาท ได้สำเร็จ จะทำให้ JAS มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการชำระหนี้ และมีเงินเพียงพอในการลงทุนในอนาคต โดยเฉพาะการลงทุนที่รองรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมใหม่

โดย JAS มีแผนที่จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อขออนุมัตินำเงินสดส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายธุรกิจ 3BBและ JASIF มาใช้ในการลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่ม JAS (กลุ่มจัสมินฯ) ขึ้นเป็น 60-70% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 50.91% ซึ่งประกอบด้วย บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) หรือ JAS ถืออยู่ 231,714,400 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 32.80%, บริษัท เอเซียส รีเยนแนล เซอร์วิส จำกัด ถือหุ้น 64,027,700 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.06% และบริษัท ที.เจ.พี.เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ถือหุ้น 63,918,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.05% ทั้งนี้ JAS จะเสนอคณะกรรมการบริษัทพิจารณาเมื่อปิดดีลขาย 3BB และ JASIF สำเร็จแล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าทั้ง JAS และ ADVANC น่าจะไม่ยอมให้ดีลนี้ล้ม เพราะถือเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ สัดส่วนถือหุ้นใน JTS ของกลุ่มจัสมินฯ ในสัดส่วน 50.91% ดังกล่าวนั้น ยังไม่รวมหุ้นที่ถือในนามส่วนตัวของนายพิชญ์ โพธารามิก ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JAS ถือหุ้นใน JTS อยู่ที่ 67,748,400 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.59% ซึ่งนายพิชญ์ต้องการถือลงทุนยาวและไม่มีแผนที่จะขายหุ้นดังกล่าวออกมา

สำหรับเหตุผลที่กลุ่มจัสมินฯ ต้องการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น JTS เป็น 60-70% เพราะมองว่า 1.ราคาเครื่องขุดบิตคอยน์ (Bitcoin) ถูกลงมามากในสภาวะ Bitcoin ปัจจุบัน และกำลังพัฒนาเครื่องขุดบิตคอยน์ของตัวเอง เพื่อจะลดต้นทุนลงไปอีก 2.ค่าไฟที่แพง ปัจจุบัน JTS มีการนำโซลาร์เซลล์ (Solar cell) และแบตเตอรี่ (battery) มาใช้ในการขุดบิตคอยน์ เพื่อนำไปสู่การประหยัดไฟแบบ 100% และ 3.บิตคอยน์ที่ขุดได้ทุกวันนี้ยังไม่จำเป็นต้องนำมาขาย เพราะต้องการรอราคาที่เหมาะสม เช่น 100,000 เหรียญสหรัฐ (USD) ขึ้นไป จึงจะนำออกมาขาย โดยเชื่อว่า Bitcoin จะดีดตัวกลับในช่วงประมาณกลางปีหน้า ประกอบกับมองว่าอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าน่าจะเป็นช่วงขาลง  ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

“ธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin เป็นแค่จุดเริ่มต้น เข้าสู่ยุค Web 3.0 เหมือนตอน JAS เริ่มทำ 3BB ใหม่ ๆ สมัยนั้นลูกค้านิดเดียว ประเทศก็อยู่ในช่วง Web 1.0/2.0 ขณะที่ธุรกิจโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ก็เป็นสิ่งที่ JAS มองว่าเป็นโอกาสที่ต่อยอดจากธุรกิจขุด Bitcoin ในอนาคต โดยเชื่อว่าธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin ไม่ได้อยู่ในช่วงขาลง ตรงกันข้าม หากยังมี Bitcoin อยู่บนโลกนี้ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการขุดต่อไปเรื่อย ๆ” แหล่งข่าว กล่าว