ย้อนเส้นทาง 3BB เน็ตบ้านภาพจำคนไทย ก่อนถูก เอไอเอส เทกโอเวอร์!

Published on 2022-07-06   By matichon.co.th

นวงการตลาดทุน คงคุ้นหน้าคุ้นตา ‘พิชญ์ โพธารามิก’ เป็นอย่างดี เพราะเป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ สำหรับให้บริการ 4G ที่เคาะราคาประมูลกันยาวนานถึง 4 วัน คนประมูลไม่ได้หลับได้นอน ด้วยราคาที่สูงถึง 75,654 ล้านบาท แต่เป็นการชนะแล้วชิ่ง เพราะสุดท้ายไม่มีเงินจ่าย จนต้องยอมให้ ‘กสทช.’ ยึดเงินค้ำประกันกว่า 644 ล้านบาท และให้ ‘เอไอเอส’ หรือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เข้ารับช่วงต่อที่ราคานี้ในปีถัดไป

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ขายสินทรัพย์ของบริษัทเข้ากองทุน JASIF และนำเงินหลายหมื่นล้านบาทออกมาปันผลให้กับผู้ถือหุ้น รวมถึงตัวเองซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย ขณะเดียวกัน ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JTS ซึ่งเป็นบริษัทที่ยังมีกำไรไม่สูงมาก แต่ JTS ทำธุรกิจเหมืองบิตคอยน์ โดยมีนักลงทุนแห่ลงทุน จนทำให้มาร์เก็ตแคปของ JTS บางช่วงเวลา มีมูลค่าเกือบแสนล้านบาท และล่าสุด ได้ตัดสินใจขายกิจการ ทรีบรอดแบนด์ หรือ 3BB และส่วนที่ถือใน JASIF ให้กับ ‘เอไอเอส’ รวมมูลค่า 32,420 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แรกเริ่ม JAS หรือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เกี่ยวข้องกับ บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) ที่ในขณะนั้น ขอใบอนุญาตในการทำธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน แต่ต่อมาเกิดปัญหาและทำไม่สำเร็จ ซึ่ง JAS ได้แตกบริษัทใหม่ ในชื่อ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อมาออกมาทำธุรกิจบรอดแบนด์ ในชื่อใหม่ว่า ทรีบรอดแบนด์ หรือ 3BB

ซึ่งระหว่างนั้น เกิดการฟ้องร้องกันพอสมควร เพราะทีทีแอนด์ที ซึ่งเป็นบริษัทแม่เลิกกิจการไป แต่ 3BB ซึ่งเป็นบริษัทลูก มีรายได้ที่เติบโตขึ้น โดยมีการเพิ่มทุนให้ JAS เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทลูก และ 3BB นี้เองที่ทำให้บริษัทที่เป็นเจ้าของอย่าง JAS ฟื้นตัวจากบริษัทเล็กๆ จนกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับหมื่นล้านบาทได้

อย่างไรก็ตาม หากนับการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดรวมกันในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้น JAS ได้รับเงินปันผลแล้วกว่า 42,914 ล้านบาท หากรวมกับล่าสุดที่ตัดสินใจขายธุรกิจบรอดแบนด์ให้กับเอไอเอส จะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับเงินกว่า 75,000 ล้านบาท

ทำให้ ‘พิชญ์ โพธารามิก’ เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่รวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีทรัพย์สินในระดับหลายหมื่นล้านบาท และหากดีลนี้สำเร็จได้จริง อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการวางมือจากธุรกิจโทรคมนาคมที่มีความเกี่ยวข้องมาเกือบทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้