"AIS" ซื้อ "3BB" ยุทธศาสตร์บันได 3 ขั้นครองตลาดสื่อสาร

Published on 2022-07-05   By thansettakij.com

"AIS" ซื้อ "3BB" ยุทธศาสตร์บันได 3 ขั้นครองตลาดสื่อสารระบุกลยุทธ์แรกกัลฟ์ข้ามจากธุรกิจพลังงานสู่ธุรกิจเทเลคอมส่วนขั้นที่ 2 เอไอเอสเดินเกมธุรกิจ 5G อย่างแนบเนียนและขั้นสุดท้ายธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต

AIS หรือบริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิสจำกัด (มหาชน) ควักเงินก้อนโต 3.2 หมื่นล้านบาทเข้าซื้อกิจการในกลุ่มจัสมินฯของนายพิชญ์โพธารามิกผู้บุกเบิกและปั้นอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ 3BB ผงาดเป็นเบอร์หนึ่งโดยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมอบหมายให้บริษัทย่อยคือบริษัทแอดวานซ์ไวร์เลสเน็ทเวอร์คจำกัด (AWN) เข้าซื้อกิจการในกลุ่มบริษัทจัสมินอินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน)  

ต่อเรื่องดังกล่าวแหล่งข่าวจากนักวิเคราะห์เปิดเผยว่าการซื้อกิจการครั้งนี้เสมือนเป็นยุทธศาสตร์บันได 3 ขั้นสู่การเป็นผู้นำตลาดสื่อสารของเอไอเอส 

เริ่มจากบันไดขั้นที่ 1 คือการเข้ามาของกัลฟ์ที่ข้ามห้วยมาจากธุรกิจพลังงานขยายฐานมาสู่ธุรกิจเทเลคอมเป็นหนึ่งในหลายธุรกิจที่เป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลเพราะหากได้โครงสร้างพื้นฐานทั้งพลังงานและสื่อสารแล้วจะถือว่ามีความครบครัน

จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นความเคลื่อนไหวของธุรกิจขนาดใหญ่อย่างกัลฟ์เอ็นเนอร์จีดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เข้าเทคโอเวอร์หุ้นใหญ่ของอินทัช (INTUCH) ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 

โดย GULF ได้ทำการเสนอซื้อหุ้นบมจ.อินทัชโฮลดิ้งส์หรือ INTUCH ทำให้ปัจจุบันกลุ่มกัลฟ์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน INTUCH ในสัดส่วนรวมกัน 42.25%

ขณะที่ INTUCH เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ใน AIS ทำให้ยุทธศาสตร์ของเอไอเอสมีความคมคายมากขึ้นส่งผลให้เอไอเอสเปลี่ยนท่าทีจากที่ไม่คัดค้านการควบรวมทรูดีแทคเพราะมองว่าเอไอเอสก็ยังได้เปรียบมาสู่ท่าทีการคัดค้านอย่างชัดเจนเป็นธงของผู้ถือหุ้นใหม่ที่ปรับให้เอไอเอสมีความเชิงรุกมากขึ้นในการบอนไซคู่แข่งในอุตสาหกรรม

จังหวะการก้าวเข้าสู่ธุรกิจเทเลคอมของกลุ่มกัลฟ์จึงเป็นบันไดขั้นแรกและเป็นก้าวสำคัญที่เสริมความแข็งแกร่งให้ AIS อย่างมีนัยสำคัญเรียกได้ว่าเป็นการติดปีกให้กับเจ้าตลาดผู้ให้บริการมือถือในไทยได้ต่อยอดธุรกิจอย่างก้าวกระโดดด้วยความพร้อมของกัลฟ์ทั้งในด้านเงินทุนและเครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวาง 

อีกทั้งยังมีสิงเทล (Singtel) ยักษ์ใหญ่ในวงการโทรคมนาคมของสิงคโปร์ที่ถือหุ้นใน AIS มายาวนานจากข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ AIS มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือบริษัทอินทัชโฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) จำนวน 40.44% และ Singtel Strategic Investments Pte. Ltd. จำนวน 23.31%

หลังจากที่กลุ่มกัลฟ์เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในอินทัชเพียงไม่กี่เดือนก็เห็นผลเชิงธุรกิจทันทีเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 GULF ได้ลงนามร่วมพัฒนาธุรกิจกับ Singtel และ AIS รุกพัฒนาธุรกิจ Data Center ในประเทศไทยซึ่งเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของทั้ง 3 บริษัทโดย GULF มีประสบการณ์ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน  

รวมถึงมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศและเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวางขณะที่ AIS มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจ Data Center หลายแห่งในประเทศไทยรวมถึงมีประสบการณ์ในการให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรมากมายและ Singtel มีประสบการณ์และความชำนาญในด้านเทคโนโลยีสำหรับ Data Center และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ระดับโลก 

บันไดขั้นที่ 2 ของ AIS เดินเกมธุรกิจ 5G อย่างแนบเนียนโดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมามีรายงานข่าวว่าบอร์ดบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ NT ได้ตัดสินใจเลือกให้ AIS เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจโดย NT จะแบ่งคลื่น 700 MHz ให้ AIS ครึ่งหนึ่งหรือเป็นจำนวน 5 MHz (ตามที่บริษัทเป็นผู้ชนะการประมูลคลื่น 700 MHz จำนวน 2 ใบอนุญาตในย่านความถี่ 738-748 MHz คู่กับ 793-803 MHz ด้วยราคา 34,306 ล้านบาทจากกสทช

ดีลนี้ AIS ได้ประโยชน์อย่างมากหรือจะกล่าวก็คือสกัดผู้เล่นอย่าง NT ให้ออกไปจากตลาดโดยปริยายด้วยปริมาณคลื่น 5G ที่ NT มีเหลือน้อยจนไม่สามารถแข่งขันได้ลดจำนวนคู่แข่งในตลาดโทรคมนาคมไทยให้เหลือน้อยลง และ AIS ยังนำคลื่นของ NT มาต่อยอดธุรกิจ 5G ส่งผลให้ AIS เป็นเจ้าเดียวที่ถือครองคลื่นความถี่มากที่สุดในประเทศทิ้งห่างจากคู่แข่งอย่างทรูและดีแทคที่แม้จะควบรวมธุรกิจได้สำเร็จก็ตาม  

บันไดขั้นที่ 3 ของ AIS กับความเคลื่อนไหวล่าสุดกับเกมธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตโดย AIS ได้แจ้งรายงานตลาดหลักทรัพย์ฯเกี่ยวกับที่ประชุมบอร์ดเอไอเอสมีมติอนุมัติให้บริษัทแอดวานซ์ไวร์เลสเน็ทเวอร์คจำกัดเข้าซื้อหุ้นในบริษัททริปเปิลทีบรอดแบนด์จำกัด (มหาชน) (TTTBB) จำนวน 7,529,242,385 หุ้นคิดเป็นสัดส่วน  99.87%  จากบริษัทอคิวเมนท์จำกัดบริษัทย่อยของบริษัทจัสมิน  อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) (JAS)

โดย AWN จะทำการขออนุญาตในการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวจากกสทช. ก่อนและคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 1 ของปี 2566 ซึ่งหากดีลเทคโอเวอร์ครั้งนี้สำเร็จก็จะทำให้ AIS ก้าวขึ้นเป็นผู้นำยึดครองตลาดบรอดแบนด์อย่างสมบูรณ์ในทันทีด้วยฐานลูกค้าทั่วประเทศที่ใหญ่และมากที่สุดในอุตสาหกรรมที่ประมาณ 5.55 ล้านราย (จากรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 JAS มีจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รวม 3.68 ล้านรายและ AIS มีจำนวนลูกค้าบรอดแบนด์รวม 1.865 ล้านราย) มากกว่าทรูออนไลน์ที่มีจำนวนลูกค้าบรอดแบนด์ 4.7 ล้านรายณไตรมาส 1 ปี 2565 

หากวิเคราะห์ให้ลึกจะเห็นว่าบันได 3 ขั้นของ AIS เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงราวๆ 1 ปีเท่านั้นหลังจากที่ GULF ได้เข้ามาสู่วงการโทรคมนาคมเสมือนติดปีกให้ AIS เดินเกมยึดตลาดโทรคมนาคมไทยได้อย่างแข็งแรงและรวดเร็วตามแนวยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจของ GULF ที่มีฐานกำลังแข็งแกร่งทั้งเงินทุนและเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวางในหลายอุตสาหกรรม 

แต่ที่น่าสนใจคือความเคลื่อนไหวทางธุรกิจทั้งหมดนี้อยู่ในช่วงเวลาที่สอดคล้องเหมาะเจาะกับยุคเปลี่ยนผ่านที่ธุรกิจทั่วโลกรวมถึงภาคธุรกิจไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงปรับตัวและขับเคลื่อนให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อความอยู่รอดและแข็งแกร่งได้พอที่จะลงสนามแข่งขันกับบรรดาธุรกิจข้ามชาติที่แผ่ขยายสินค้าและบริการไปทั่วโลกได้แบบไร้พรมแดน 

แม้ว่าการเทคโอเวอร์ 3BB ของ AIS จะยังต้องรอการพิจารณาจากกสทช. ซึ่งน่าจะเป็นอีกประเด็นที่ท้าทายการกำกับดูแลของภาครัฐว่าจะสามารถควบคุมและดูแลอย่างสมดุลทั้งในด้านประโยชน์ของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่จะอยู่รอดและแข่งขันกับนานาประเทศทั่วโลกได้หรือไม่  

ในขณะเดียวกันก็ต้องจับตากลุ่มนักวิจัย TDRI นักวิชาการรวมถึงสภาองค์กรผู้บริโภคและมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่จะเข้ามาตรวจสอบอย่างเข้มข้นและจับตาดีลนี้ด้วยเช่นกันไม่ต่างกับที่ได้วิเคราะห์และวิพากษ์วิจารณ์ดีลการควบรวมระหว่างทรูและดีแทคเอาไว้ก่อนหน้านี้