JAS มุมมอง กสิกรไทย ดีลขายกิจการให้ ADVANC

Published on 2022-07-05   By thunhoon.com

ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด ส่องหุ้น บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS บอร์ดบริหารอนุมัติการขายหุ้น TTTBB และ JASIF ให้กับ ADVANC ในราคา 3.242 หมื่นลบ. และจะจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 ก.ย.2565 ฝ่ายวิจัยมีมุมมองลบต่อดีลรายการนี้ ซึ่งสะท้อน equity value ของ entity รวมที่ 2.93 บาท น้อยกว่าราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยและราคาตลาด แนะนำ “ถือ” จาก DPS ที่คาดเกิดขึ้นครั้งเดียวที่ 1.08-2.25 บาท และมูลค่าที่คาดเหลืออยู่จากธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ที่กำลังขยายตัว

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2565 ADVANC และ JAS บรรลุข้อตกลงในการขายและซื้อหุ้นโดย ADVANC ผ่านบริษัทในเครือคือ AWN จะเข้าซื้อหุ้น 100% ใน TTTBB และ 19% ใน JASIF จาก JAS ด้วยมูลค่ารวม 3.242 หมื่นลบ.

กรอบระยะเวลา ADVANC ไม่ต้องจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติดีลรายการนี้ ขณะที่ JAS จะจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 ก.ย. ฝ่ายวิจัยคาดว่าคณะกรรมการลงทุนของ JASIF จะอนุมัติดีลรายการนี้และจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในอีก 2-3 วันต่อมา หลังทั้งผู้ถือหุ้นของ JAS และผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF อนุมัติดีลรายการนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะขออนุมัติดีลรายการนี้ต่อ กสทช. ฝ่ายวิจัยคาดว่าขั้นตอนการควบรวมกิจการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนมี.ค.2566

ราคาขายไม่แพง ตอนแรก ฝ่ายวิจัยคิดว่าต้นทุนในการซื้อกิจการที่ 3.242 หมื่นลบ. สะท้อน equity value ของ TTTBB และ JASIF ที่ 3.77 บาท/1 หุ้น JAS ซึ่งสูงกว่าราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 สำหรับ JAS ของฝ่ายวิจัยที่ 3.39 บาท อยู่ 11.21% อย่างไรก็ดี หากพิจารณาลึกไปในรายละเอียด พบว่าต้นทุนการซื้อกิจการที่ 3.77 บาท คาดจะเป็นมูลค่าขององค์กรแทนที่จะเป็น equity value หลังหักลบหนี้สินสุทธิที่ 7.22 พันลบ. ณ ไตรมาส 1/2565 ราคาในการขอซื้อหุ้น TTTBB และ JASIF จะอยู่ที่ 2.52 หมื่นลบ. น้อยกว่าประมาณการมูลค่าของฝ่ายวิจัยก่อนปรับที่ 13.6% ดังนั้น ต้นทุนในการซื้อกิจการที่ 3.242 หมื่นลบ. สะท้อน equity value ของ TTTBB และ JASIF ที่ 2.93 บาทต่อหุ้น เทียบกับราคาก่อนดีลรายการนี้ที่ 3.6 บาท

การใช้เงินทุน JAS รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า JAS จะสำรองภาษีเงินได้ที่ 3.5 พันลบ. สำหรับการชำระคืนหนี้สินและ 2 พันลบ. เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนซึ่งหมายความว่าเงินสดส่วนเกินจะยังอยู่ที่ 1.932 หมื่นลบ. ในกรณีที่ดีที่สุด JAS อาจจัดสรรเงินทุนที่เหลืออยู่ในรูปแบบของเงินสดปันผลที่ 2.25 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 72.1% ในกรณีเลวร้ายที่สุด JAS อาจลงทุนซ้าที่ 1.0 หมื่นลบ. ในธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ของ JTS ซึ่งคาดจะส่งผลให้เงินทุนที่เหลืออยู่มี DPS ที่ 1.08 บาท หรือคิดเป็นอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 34.8%

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ราคาหุ้น JAS ปรับลดลง 13.33% หลังประกาศข้อเสนอในการขายหุ้น TTTBB และ JASIF ซึ่งคาดจะสะท้อนความผิดหวังจากราคาขายที่ถูกและสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอนว่าผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF จะอนุมัติดีลรายการนี้หรือไม่

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-67 และคำแนะนำ “ถือ” JAS แต่ลดราคาเป้าหมายปี 2565 ลงเป็น 3.02 บาท โดยกำหนดความเป็นไปได้ที่ 75% ที่ดีลรายการนี้จะได้รับการอนุมัติ แต่ยังไม่รวมดีลรายการนี้ในประมาณการกำไรสุทธิและมูลค่าหุ้นของฝ่ายวิจัย เพราะรอการอนุมัติของผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF ในเดือนก.ย.2565 ก่อน โดยฝ่ายวิจัยลดราคาเป้าหมายลง 10.9% จาก 3.39 บาท เป็น 3.02 บาท เพราะลดราคาเป้าหมายของ JASIF ลงจาก 11.3 บาท เป็น 8.85 บาท

สำหรับราคาเป้าหมายปี 2565 ของฝ่ายวิจัยที่ 3.02 บาท แบ่งเป็น 1) มูลค่าธุรกิจ FBB ที่ 1.2 บาท (วิธี DCF และ WACC ที่ 9.5%) 2) มูลค่าที่เหมาะสมของ JASIF ที่ 1.32 บาท (วิธี DCF และ WACC ที่ 7%) และ 3) มูลค่าของ JTS ที่ 0.5 บาท ฝ่ายวิจัยใช้ market cap เฉลี่ยต่อ hash rate capacity ของ Bitfarm (BITF) Hut 8 Mining (HUT8) และ Marathon (MARA) ที่ 0.024 ลบ./TH/s

Downside risks ได้แก่ 1) การใช้เงินทุนที่ไม่เกิดประโยชน์ 2) ความล้มเหลวของดีลรายการนี้กับ ADVANC และ 3) สงครามราคาที่รุนแรงยาวนานขึ้น

Upside risks ได้แก่ 1) ความคืบหน้าของดีลรายการนี้และ 2) การจ่ายเงินปันผลระดับสูง