JAS เปลี่ยนนโยบายบัญชี เพื่อให้งบการเงินสะท้อน มูลค่ายุติธรรมในปัจจุบัน
บอร์ด JAS มีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีสำหรับการบันทึกมูลค่าที่ดิน-อาคาร และสำหรับการบันทึกมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เพื่อให้งบการเงินสะท้อนมูลค่ายุติธรรมปัจจุบัน มีผลวันที่ 31 ธ.ค. 64
นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า จากการที่บริษัท และบริษัทย่อย (กลุ่มบริษัท) มีที่ดิน และอาคารสิ่งปลูกสร้างที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทย่อย โดยได้ถือกรรมสิทธิ์มาเป็นระยะเวลานาน ทั้งในส่วนที่เป็นสินทรัพย์ที่ใช้งานภายในกลุ่มบริษัท และส่วนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มบริษัทวัดมูลค่าที่ดิน และอาคารด้วยวิธีราคาทุน ทำให้มูลค่าที่แสดงในงบการเงินไม่สะท้อนมูลค่ายุติธรรมของที่ดิน และอาคารในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ได้พิจารณาแล้วและมีความเห็นว่า เพื่อให้งบการเงินสะท้อนมูลค่ายุติธรรมปัจจุบัน จึงมีมติอนุมัติในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ 1.เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสำหรับการบันทึกมูลค่าที่ดิน และอาคาร จากวิธีราคาทุนเป็นวิธีการตีราคาใหม่ ในงบการเงินรวมของบริษัท โดยให้มีผลกับงบการเงินรวมของบริษัท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2564 เป็นต้นไป (มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2564) และกำหนดให้มีการประเมินมูลค่าที่ดิน และอาคารทุก 3 ปี ทั้งนี้อาจพิจารณาดำเนินการก่อนกำหนดหากมีการเปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อมูลค่ายุติธรรมของที่ดินและอาคารอย่างมีสาระสำคัญ
2.เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสำหรับการบันทึกมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของ บริษัท พรีเมียม แอสเซทจำกัด (บริษัทย่อย ซึ่งถือหุ้น โดย บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด และ บริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด จำนวน 53.85% และ 46.15% ตามลำดับ) จากวิธีราคาทุนเป็นวิธีมูลค่ายุติธรรมตามที่มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 40 (ปรับปรุง 2561) เรื่องอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนได้กำหนดให้กิจการสามารถเลือกใช้นโยบายบัญชีในการวัดมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนด้วยวิธีราคาทุน หรือวิธีมูลค่ายุติธรรม เพื่อให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ซึ่งให้มีผลกับงบการเงินรวมของบริษัท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2564 เป็นต้นไป กำหนดมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2564 และกำหนดให้มีการประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของบริษัทในย่อยทุกปี
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้พิจารณาว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ความเห็นชอบ และได้หารือถึงความเหมาะสมและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีตามมาตรฐานการบัญชีกับผู้สอบบัญชีของบริษัทเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีดังกล่าวจะส่งผลให้สินทรัพย์รวม หนี้สินรวม และส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินรวมของบริษัทเปลี่ยนแปลงไป