“JTS” เปิดงบ Q2/64 โกยกำไรโตก้าวกระโดด หวังขุดทองดิจิทัลจากเหมือง Bitcoin

Published on 2021-08-11   By ผู้จัดการรายวัน

บริษัทจัสมินเทเลคอมซิสเต็มส์จำกัด (มหาชน) ประกาศงบไตรมาสที่ 2 ปี 2564 มีรายได้จากบริษัทฯและบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 318.21 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 396.35 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2564 คิดเป็นร้อยละ 1,157.90 หลังเข้าดำเนินการซื้อหุ้นในบริษัทจัสเทลเน็ทเวิร์คจำกัด (“JASTEL”) ในอัตราร้อยละ 99.99 ซึ่งได้ดำเนินการซื้อหุ้นแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

นายดุสิตศรีสง่าโอฬารกรรมการผู้จัดการ JTS กล่าวว่า "ผลการดําเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิ 37.32 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 28.47 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 321.69 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 27.09 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 264.81 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2564"

ขณะเดียวกันนี้บริษัทจัสมินเทคโนโลยีโซลูชั่นจํากัด (มหาชน) จะเป็นชื่อบริษัทใหม่ที่จะมาแทนชื่อเดิมบริษัทจัสมินเทเลคอมซิสเต็มส์จำกัด (มหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจขององค์กรในปัจจุบันซึ่งบริษัทได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาเพื่อเตรียมเข้าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ตุลาคม 2564

อย่างไรก็ตามจากการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ที่ยังมีความไม่แน่นอนและส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยทางบริษัทจึงมองหาธุรกิจใหม่ที่จะลงทุนในระยะยาวและยังสามารถสร้างรายได้ใหม่ให้แก่บริษัทถึงแม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับบริษัทก็ตาม

ทั้งนี้บริษัทจัสเทลเน็ทเวิร์คจำกัดซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะดำเนินการลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์โดยมีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 156.7 ล้านบาทโดยได้มีการทยอยสั่งซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์และจะติดตั้งให้แล้วเสร็จจำนวน 500 เครื่องภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ซึ่งทางบริษัทได้ศึกษาเรื่อง Bitcoin มาระยะหนึ่งแล้วตอนนี้มองเป็นจังหวะและโอกาสที่ดีบิตคอยน์ที่ขุดได้จะนำมาจำหน่ายบางส่วนและเก็บไว้บางส่วนโดยบริษัทฯคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง

"บริษัทยังเตรียมพร้อมขยายเฟสที่ 2 เพื่อเสริมกำลังการขุดอีก 5,000 เครื่องในต้นปี65 เล็งใช้พื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมด้วยความพร้อมของสถานที่และโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าโดยตั้งเป้าขยายกำลังการขุดเป็น 50,000 เครื่องก่อน Bitcoin Next Halving ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปี 67 ทำให้บริษัทมีกำลังการขุดรวมมากกว่า 5 Exahash/s หรือคิดเป็นประมาณ 5% ของกำลังการขุดรวมทั่วโลกและเป็นศูนย์กลางของ Bitcoin Mining Farm ที่ใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia"

ในส่วนของประเด็นทางด้านผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมนั้นการขุดบิตคอยน์ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใดพลังงานหลักที่ใช้ในการขุดบิตคอยน์คือพลังงานไฟฟ้าซึ่งบริษัทฯใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO 14001 โดยขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการพิจารณาในการนำพลังงานหมุนเวียนอาทิพลังงานจากโซลาร์เซลล์และพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติมาใช้ทดแทนซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนและรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยพร้อมกัน