JASปีนี้ลุ้นพลิกกำไร งบQ1ขาดทุนน้อยลง

Published on 2021-05-14   By ข่าวหุ้น

JAS ลุ้นปี 64 พลิกกำไร หลังไตรมาส 1/64 ขาดทุนลดลงถึง 73% เหลือขาดทุนสุทธิเพียง 265 ล้านบาท จ่อบุ๊กเงินสด 4,500 ล้านบาท คดีส่วนแบ่งโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำกับ NT ด้านลูกค้า 3BB พุ่ง 3.49 ล้านราย

นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 265 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 725 ล้านบาท คิดเป็น 73% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 990 ล้านบาท และขาดทุนลดลง 662 ล้านบาท คิดเป็น 71% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 927 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 4,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56 ล้านบาท คิดเป็น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,757 ล้านบาท โดยรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากส่วนงานให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและอินเทอร์เน็ตทีวี

โดยบริการ 3BB ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 มีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 3.49 ล้านราย เมื่อหักจำนวนผู้ใช้บริการภาคองค์กร ลูกค้า Wifi กลุ่ม Barter กลุ่มที่ใช้ในกิจการภายใน กลุ่มบริการเสริมอื่น และกลุ่มที่มีหนี้ค้างออก เป็นต้น โดยจะมียอดผู้ใช้บริการสำหรับลูกค้าทั่วไปในส่วนที่เป็น Fixed Broadband และที่สามารถเก็บเงินได้ (Billablesub) ประมาณ 2.36 ล้านราย ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อราย (ARPU) อยู่ที่ 603 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้ ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 87.64 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 75.71 ล้านบาท และมีต้นทุนทางการเงินติดลบ 991.34 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ติดลบ 1,060.37 ล้านบาท

สำหรับแผนธุรกิจปี 2564 จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เกิดเป็น new normal ผู้คนต้องทำงานหรือเรียนจากที่บ้านมากขึ้น แม้จะเป็นผลดีต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ผลกระทบของภาวะโรคระบาดที่มีต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวม ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการแย่งชิงลูกค้าและการแข่งขันด้านราคาอย่างหนัก

ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนมุ่งเน้นให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตด้วยไฟเบอร์คุณภาพสูง ที่มาพร้อมกับบริการเสริมต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อเพิ่มอรรถประโยชน์ให้กับลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการใช้บริการให้ครอบคลุมด้านต่าง ๆ สร้างความผูกพันต่อแบรนด์ 3BB ให้มากขึ้น และทำให้อัตราการยกเลิกบริการ (churn rate) ลดลง

ด้านการให้บริการกลุ่มลูกค้ารายย่อย (B2C) ในส่วนบริการเสริมด้านความบันเทิง (Entertainment Service) โดยบริการ 3BB Gigatainmentและ3BB GigaTVณ สิ้นไตรมาส1/2564มีจำนวนผู้ใช้บริการรวมประมาณ280,000ราย คาดว่าภายในสิ้นปี2564จำนวนผู้ใช้บริการจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ800,000-1ล้านราย เนื่องจากคุณภาพของบริการ3BB GigaTV

ประกอบกับโปรโมชั่นที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก การตัดสินใจเลือกสมัครแพ็กเกจระยะยาว2ปี เหมาจ่ายในราคา700บาทต่อเดือน เพื่อได้รับบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และกล่องดูทีวีที่มาพร้อมกับช่องทีวีพรีเมียมมากมาย รวมถึงบริการวีดีโอออนดีมานด์ (VOD)จากผู้ให้บริการอย่างHBO GoและMonomaxที่มีคอนเทนต์ให้เลือกดูเมื่อไรก็ได้กว่า40,000ชั่วโมง ส่งผลทำให้ตัวเลขอัตราการยกเลิกบริการ (churn rate)ของ3BBในช่วงไตรมาส1/2564ดีขึ้นกว่าปี2563ถึง22%และการที่ลูกค้าให้ความสนใจสมัครแพ็กเกจที่ราคาสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อรายได้เฉลี่ยต่อราย (ARPU)ที่จะดีขึ้นในอนาคต

ขณะเดียวกัน การต่อยอดธุรกิจโดยการเพิ่มช่องทางรายได้จากฐานลูกค้าบนแพลตฟอร์มของ3BB GigaTVอาทิ รายได้บริการโฆษณา รายได้จากHome Shoppingเป็นต้น นอกจากนี้ มุ่งรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว เพื่อสร้างLifetime Valueโดยเร่งพัฒนาฟังก์ชันอินเตอร์แอคทีฟ ให้มีความหลากหลาย และสามารถพัฒนาไปสู่smart home solution (เครื่องมืออัจฉริยะภายในบ้าน) ได้ในอนาคต เพื่อตอบโจทย์กับกลยุทธ์หลักของ3BBที่ต้องการเป็นDigital Companion (เพื่อนคู่ใจในโลกดิจิทัล) ผ่านบริการ3BB GIGAHOMEที่จะเปิดตัวในปี 2564

นอกจากนี้ ด้านการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B)รุกตลาดองค์กรมากขึ้นมีแผนในการรุกตลาดองค์กรให้มากขึ้น โดยใช้โครงสร้างที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ และโครงข่ายที่เข้าไปยังอาคารสำนักงานต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น อีกทั้งยังมีแผนดำเนินการทำHyperscale Data CenterและCloud Serviceดำเนินการภายใต้บริษัทJTSและJASTELเพื่อสามารถให้บริการแบบครบวงจร

ขณะที่ด้านบริหารจัดการบริษัทมีนโยบายควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายโดยมีแผนบริหารจัดการในหลายส่วนได้แก่ (1)ปรับค่าใช้จ่ายในการบริหาร อาทิ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าเช่า เป็นต้น ให้ลดลงประมาณ 350-750 ล้านบาทต่อปี (2) ปรับลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน ประมาณ 700-1,000 ล้านบาทต่อปี โดยการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกิดจากการปรับขั้นตอนการทำงานให้อัตโนมัติมากขึ้นผ่านทางMobile Application

แหล่งข่าววงการเงิน กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของJASในปี 2564 มีโอกาสพลิกเป็นกำไร จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และหากได้รับเงินค้างจากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือNT (เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือCATและบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือTOT)หลังบริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (JSTC)ซึ่งเป็นบริษัทลูกของJASเตรียมจะเข้าไปเจรจากับNTที่อยู่ในฐานะลูกหนี้การค้าของJSTCในข้อพิพาทเรื่องการชำระส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ (ฝั่งตะวันออก) กับTOTกว่า 10 ปี

โดยหากJSTCเจรจาประนีประนอมข้อพิพาทดังกล่าวสำเร็จJASก็มีโอกาสที่จะบันทึกเงินสดเข้ามาประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากยอดหนี้คงค้างประมาณ 2,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยค้างจ่าย 7.5% ต่อปี จนถึงสิ้นปี 2563 อีกประมาณ 2,027 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าขั้นตอนการเจรจาประนีประนอมกับNTจะบรรลุข้อตกลงกันได้ภายในไตรมาส 2/2564

ส่วนกรณีที่หากสามารถพลิกกำไรได้จะจ่ายเงินปันผลทันทีเลยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริษัทของJASเป็นผู้พิจารณา ขณะที่ในส่วนของกระแสข่าวว่าJASจะขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือJASIFออกไป จากปัจจุบันที่ถืออยู่ในสัดส่วน 19%นั้น เชื่อว่าJASจะไม่มีนโยบายขายJASIFออกไปในปี 2564