JASIFกำไรล้น47% จ่ายปันผลสูง0.25บ.

Published on 2020-11-09   By ข่าวหุ้น
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) พุงปลิ้น โกยกำไรไตรมาส 3 กว่า 2,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.81% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน งวด 9 เดือนแรกปีนี้กำไรโต 6,498 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากรายได้รวมในไตรมาส 3 ของปีนี้เพิ่มขึ้น 71.54% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลหน่วยละ 0.25 บาท ขึ้น XD วันที่ 18 พ.ย.นี้ ราคาเป้าหมาย 11.62 บาท
          กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2563 มีกำไรสุทธิ 2,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 700 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง 47.81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี (YoY) โดยปี 2562 JASIF มีกำไรสุทธิที่ 1,930 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 540 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ส่วนผลกำไรงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 มี 6,498 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,578 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งงวด 9 เดือนแรกของปี 2562 JASIF มีกำไรสุทธิที่ 4,920 ล้านบาท
          โดยรายได้รวมสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้เท่ากับ 2,540.91 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 71.54% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและลดลง 0.10% จากไตรมาสก่อน ซึ่งมาจากรายได้ค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 2,535.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.61% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการลงทุนสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปีนี้เท่ากับ 2,169.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.29% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.16% จากไตรมาสก่อน โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ณ วันที่ 30 ก.ย. 2563 เท่ากับ 87,984.64 ล้านบาท คิดเป็น 10.9980 บาทต่อหน่วย
          “สินทรัพย์รวมของกองทุน ณ วันที่ 30 ก.ย. 2563 มีจำนวน 104,278.18 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 100,300.00 ล้านบาท (ประกอบไปด้วยเงินลงทุนในทรัพย์สินเดิม 62,300.00 ล้านบาท และเงินลงทุนในทรัพย์สินส่วนเพิ่ม 38,000.00 ล้านบาท) เงินลงทุนในหลักทรัพย์ และเงินฝากธนาคาร 3,969.07 ล้านบาท และสินทรัพย์อื่น 9.11 ล้านบาท หนี้สินรวมมีจำนวน 16,293.54 ล้านบาท”
          ทั้งนี้ ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงที่กองทุนได้รับจากการส่งมอบ ปัจจุบันกองทุนมีทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทั้งสิ้นเท่ากับ 1,680,500 คอร์กิโลเมตร ประกอบด้วย ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงเดิมจำนวน 980,500 คอร์กิโลเมตร และทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่มจำนวน 700,000 คอร์กิโลเมตร
          ส่วนอัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงสำหรับรับปี 2563 อัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม และแทนที่สัญญาเช่าหลักเท่ากับ 436.29 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อเดือน อัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม และแทนที่สัญญาประกันรายได้ค่าเช่าเท่ากับ 769.91 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อเดือน (อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคปี 2562 ที่ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 0.71% ดังนั้นอัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงสำหรับปี 2563 จึงเพิ่มขึ้นเท่ากับ 0.71%) ส่วนอัตราค่าบริหารดูแลและบำรุงรักษาทรัพย์สินสำหรับปี 2563 เท่ากับ 231.85 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อปี
          ขณะที่กองทุน JASIF ได้กำหนดการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 23 โดยให้จ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.ค.ถึง 30 ก.ย. 2563 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM ในฐานะบริษัทจัดการ ได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 พ.ย. 2563 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 4 ธ.ค. 2563
          ด้านบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด แนะนำ ทยอย “ซื้อ” สะสมกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF โดยให้เก็บกองทุนโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มโทรคมนาคม ซึ่งผลการดำเนินงาน (Recurring) ของกองได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ค่อนข้างจำกัด
          นอกจากนั้น อัตราการใช้งาน หรือ U-Rate ของทรัพย์สินส่วน JASIF ก็ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยทั้งพอร์ต U-Rate เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 55% ทำให้รายได้มีความสม่ำเสมอและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า เพราะหากพิจารณาจากภาพอุตสาหกรรมของบอร์ดแบนด์ หรือ FBB ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการใช้งานของคนไทย (Penetration Rate) อยู่ที่ 40% (จีนอยู่ที่ 85%) ดังนั้นโอกาสในการเติบโตในอนาคตยังมีอยู่มาก
          ในด้านอัตราเงินปันผลตอบแทน หรือ ดิวิเดนด์ยีลด์ของกองก็ค่อนข้างสูง โดยตลาดประเมินปี 2563 และปี 2564 ที่ 10.14% และ 10.24% ตามลำดับ สำหรับประมาณการกำไรปี 2563-2564 Bloomberg Consensus ประเมินเฉลี่ยที่ 8.35 พันล้านบาท และ 8.6 พันล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง ลดลง 22% จากปีก่อน หรือ YoY, เพิ่มขึ้น 3% YoY ตามลำดับ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.62 บาท