คอลัมน์ พลวัตปี2020: อิทธิฤทธิ์ TFRS16

Published on 2020-08-13   By ข่าวหุ้น
ตัวเลขงบการเงินบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ไตรมาส 2/63 พลิกขาดทุนสุทธิ 414 ล้านบาท กลายเป็นการขาดทุนต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง หลังจากไตรมาส 1/63 มีผลขาดทุนสุทธิ 990 ล้านบาท ไฮไลท์สำคัญเกิดจากไตรมาส 2/63 มีการบันทึกค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายในงบกำไรขาดทุน 2,175 ล้านบาท (เป็นค่าเสื่อมราคา-สินทรัพย์สิทธิการใช้ 1,245 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่าย 930 ล้านบาท)
          เช่นเดียวกับไตรมาส 1/63 ที่ต้องบันทึกค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายในงบกำไรขาดทุน 2,133 ล้านบาท (เป็นค่าเสื่อมราคา-สินทรัพย์สิทธิการใช้ 1,211 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่าย 922 ล้านบาท) และเป็นไปได้ว่าการบันทึกค่าเสื่อมราคาฯ ดังกล่าวจะต้องมีการบันทึกไปอย่างต่อเนื่อง
          ปมเหตุมาจากการเริ่มบังคับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 ว่าด้วยเรื่องสัญญาเช่า (TFRS16) ตั้งแต่1 ม.ค.63 ที่ผ่านมา ทำให้ต้องบันทึกหนี้สินตามสัญญาเช่าและสินทรัพย์สิทธิการใช้สำหรับสัญญาเช่าดำเนินงาน โดยแต่ละงวดจะรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมราคาในงบกำไรขาดทุน (จากเดิมค่าเช่าตามสัญญาเช่าดำเนินงานจะถูกบันทึกเป็นต้นทุนขายและบริการหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน)ในส่วนของ JAS และบริษัทย่อย
          สำหรับ TFRS16 เริ่มมีผลบังคับใช้พร้อมกับ มาตรฐานการบัญชีใหม่ ว่าด้วยเรื่องเครื่องมือทางการเงิน(TFRS 9) ที่สั่นสะเทือนต่อกลุ่มสถาบันการเงินให้เห็นกันมาแล้ว และมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 ว่าด้วยเรื่องการแสดงรายการสำ หรับเครื่องมือทางการเงิน (TAS32) ที่มีผลต่อบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน(หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์)เช่นกัน
          โดยหลักการของมาตรฐาน TFRS16 มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนันสำคัญมาจาก TAS17  มีการกำหนดหลักการใหม่สำหรับการบัญชีของผู้เช่า โดยผู้เช่าไม่ต้องทำการจัดประเภทสัญญาเช่าเป็นสัญญาเช่าการเงินหรือสัญญาเช่าดำเนินงาน แต่ผู้เช่าต้องรับรู้สินทรัพย์และหนี้สินที่เกิดจากสัญญาเช่าทุกสัญญา (เว้นแต่สัญญาเช่าดังกล่าวจะเป็นสัญญาเช่าระยะสั้นซึ่งมีอายุไม่เกิน 12 เดือนหรือเป็นสัญญาเช่า สินทรัพย์อ้างอิงมีมูลค่าต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
          เท่ากับว่าภายใน“งบแสดงฐานะการเงิน”สัญญาเช่าแทบทุกสัญญา (ยกเว้นสัญญาเช่าระยะสั้นและสัญญาเช่าที่มีมูล ค่าต่ำตามข้อกำหนด) จะถูกจัดเข้ามาในงบการเงินทั้งหมด ทำให้ต้องรับรู้สินทรัพย์และหนี้สินตามสัญญาเช่าด้วย ส่วน“งบกำไรขาดทุน”เมื่อต้องบันทึกสินทรัพย์ตามสัญญาเช่าและหนี้สินตามสัญญาเช่า จึงต้องมีการรับรู้ค่าเสื่อมราคา (ปกติตามวิธีเส้นตรง)และดอกเบี้ย(ตามวิธีลดต้นลดดอก)
          จึงเป็นเหตุให้ช่วงปีแรกๆของการทำสัญญาเช่าจะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เนื่องจากภาระดอกเบี้ยจำนวนมาก แต่พอเข้าช่วงปีท้ายๆของสัญญาเช่า ดอกเบี้ยจะน้อยลง ทำให้ค่าใช้จ่ายน้อยลงตามลำดับ
          สำหรับ TFRS16 จะส่งผลกระทบกับบริษัทที่มีสัญญาเช่าต่างๆ โดยเฉพาะ 8 กลุ่มธุรกิจ ที่มีความเสี่ยงอาจรับผลกระ ทบ นั่นคือ 1)ธุรกิจขนส่งและสายการบิน 2)ธุรกิจค้าปลีก 3)ธุรกิจสื่อสาร 4)ธุรกิจโรงพยาบาล 5)ธุรกิจคลังสินค้า 6)ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 7)ธุรกิจก่อสร้าง 8)อุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก
          เพราะการจัดทำงบการเงินตาม TFRS 16 ที่กำหนดให้บริษัทต้องรายงาน“สัญญาเช่าดำเนินงาน”มาแสดงในงบการ เงินทันทีที่มีการลงนามสัญญาเช่า (จากเดิมหนี้ดังกล่าวจะชำระเป็นงวดและไม่มีการบันทึกเข้ามาในงบการเงิน) ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ลดลง และอัตราหนี้สินต่อทรัพย์สิน (D/E) เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการจัดทำบัญชีรูป แบบเดิม
          ด้วยอิทธิฤทธิ์ของ TFRS16 อาจส่งผลให้บรรทัดสุดท้ายของงบการเงินได้เห็นตัวเลข“กำไรสุทธิลดลง”หรือ“ขาด ทุนสุทธิ”อย่างที่ JAS ต้องเผชิญอยู่ขณะนี้ แต่ถือเป็นเพียงตัวเลขการขาดทุนทางบัญชี เพราะสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่กำไรจากการดำเนินงานปกติ และกระแสเงินสดจะเป็นตัวสะท้อนพื้นฐานที่แท้จริง
          สุภชัย ปกป้อง(แทน)