เปิดโผ5กองรีทยีลด์สูงปรี๊ด โบรกฯ แนะเก็บเข้าพอร์ต รับมือตลาดผันผวน

Published on 2020-01-10   By ข่าวหุ้น

 “ฟินันเซีย” ยก 5 รีทเด่นท่ามกลางปัจจัยลบรุมเร้า ชู EGATIF, QHPF, DIF, AIMIRT, JASIF ปันผลมากกว่า 6% ต่อปี-ราคาไม่สูงกว่า NAV-มีสินทรัพย์สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ
          บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ และต้องการสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอจากคาดการณ์เงินปันผลเฉลี่ย 6% ต่อปี จากสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ทั้งอาคารสำนักงาน คลังสินค้า ห้างสรรพสินค้า รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ช่วยกระจายความเสี่ยง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน อาทิ ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
          สำหรับกองรีทที่แนะนำซื้อในเดือนม.ค. 2563 โดยพิจารณาจากกองทุนที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายในระดับที่มากกว่า 2 ล้านบาทต่อวัน, ปันผลมากกว่าหรือเท่ากับ 6% ต่อปี, ราคาไม่สูงกว่า NAV มากนัก และมีสินทรัพย์สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ และสามารถปรับขึ้นอัตราค่าเช่าได้ รวมถึงกองที่เป็น Leasehold มีอายุคงเหลือมากกว่า 10 ปี ได้แก่
          1.EGATIF เป็นกองทุนลงทุนในรายได้ค่าความพร้อมจ่าย ที่จะเกิดจากการบริหารโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 โดยกองทุนเป็นแบบ Leasehold มีอายุคงเหลือ 15 ปี คาดจ่ายเงินปันผล 6% ต่อปี และมีเครดิตเงินปันผลเหลืออีกประมาณ 5 ปี
          2.QHPF เป็นกองทุนลงทุนในอาคารสำนักงานและอาคารพาณิชย์ให้เช่า ประเภทสินทรัพย์เป็นแบบ Leasehold มีอายุคงเหลือเฉลี่ย 1 ปี อัตราเช่าล่าสุดอยู่ที่ 95% คาดเงินปันผลราว 6% โดยมีการจ่ายเงินปันผลทุก ๆ 2 เดือน
          3.DIF เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนในเสาโทรคมนาคม, ไฟเบอร์ออฟติคและบรอดแบนด์ จุดเด่นจากโอกาสขยายงานและเติบโตไปพร้อม ๆ กับผู้เช่าหลัก (กลุ่มทรู) ประเภทสินทรัพย์มีทั้งแบบ Freehold และ Leasehold โดยสินทรัพย์ที่เป็น Leasehold มีอายุคงเหลือเฉลี่ย 20 ปี นอกจากนี้ ยังมีการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาส และยังมีเครดิตเงินปันผลเหลืออีก 4 ปี คาดว่าจ่ายปันผล (DPU) ราว 1.06 บาทต่อปี หรือคิดเป็นผลตอบแทนสูง 6%
          4.AIMIRT เป็นกองรีทแบบ Freehold ลงทุนในที่ดิน อาคารคลังห้องเย็น คลังสินค้า ของกลุ่ม JWD และกรรมสิทธิ์ที่ดิน และอาคารคลังสินค้าของกลุ่ม TIP คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 75% และ 25% ตามลำดับ มีความโดดเด่นจากทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการกระจายสินค้า คาดว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 6% ต่อปี
          และ 5.JASIF เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่ลงทุนในเส้นใยแก้วนำแสง มีผู้เช่าหลักคือบริษัททริปเปิ้ลทรี บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS โดยภายหลังการเข้าลงทุนกรรมสิทธิ์สินทรัพย์เพิ่มเติมครั้งที่ 1 มูลค่า 3.8 หมื่นล้านบาท จะทำให้มีเส้นใยแก้วนำแสงเพิ่มขึ้น 700,000 คอร์กิโลเมตร เป็น 1,680,500 คอร์กิโลเมตร โดย TTTBB จะเช่าสินทรัพย์ใหม่กลับ ระยะสัญญาเช่าสิ้นสุด 29 ม.ค. 2575
          ส่วนสัญญาเช่าเดิมจะขยายอายุสัญญาเช่าหลัก 784,400 คอร์กิโลเมตร (80% ของสัญญาเดิมทั้งหมด) จาก 22 ก.พ. 2569 ไปเป็น 29 ม.ค. 2575 และให้สิทธิต่ออีก 10 ปี คาดกองทุนจ่ายปันผล (DPU) ปี 2562 ที่ 0.90 บาทต่อหน่วย และปี 2563 ที่ 1 บาท/หน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูง 8-9% ต่อปี และมีเครดิตเงินปันผลเหลือประมาณ 4 ปี