JASIFขายหน่วยฯเกลี้ยง ปันผลยีลด์สูงปรี๊ด10.1%

Published on 2019-11-19   By ข่าวหุ้น

 “บัวหลวง” ปลื้ม หน่วยลงทุนใหม่ของ JASIF กว่า 2.5 พันล้านหน่วยขายเกลี้ยง เผยเตรียมนำเงินดังกล่าวและส่วนที่กู้ยืมจาก BBL ไปจ่ายค่าซื้อสินทรัพย์ให้กับ JAS ทันที ด้านโบรกฯยังคงแนะนำ “ซื้อ” เผยเงินปันผลปี 63 พุ่งกว่า 10.1%
          รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน) หรือ BLS เผยว่า การจำหน่ายหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF ในช่วงระหว่างวันที่ 7–13 พฤศจิกายน  2562 ให้แก่ผู้ถือหน่วยเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อ จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 2,500 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 9 บาท ในอัตรา 2.2 หน่วยลงทุนเดิมต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่  เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่  1 ในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงจำนวนไม่เกิน 700,000 คอร์กิโลเมตรนั้น
          ปรากฏว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมต่างได้ใช้สิทธิซื้อหน่วยลงทุนดังกล่าว พร้อมมั่นใจว่า JASIF เป็นอีกหนึ่งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพ และจะสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนอย่างแน่นอน
          ก่อนหน้านี้ นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (BBLAM) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุน JASIF กล่าวว่า การเพิ่มทุนกองทุน JASIF ครั้งนี้ เป็นการเพิ่มเติมสินทรัพย์มูลค่าไม่เกิน 38,000 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนฯ รวมไม่เกิน 24,629 ล้านบาท และขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินไม่เกิน 18,160 ล้านบาท
          ทั้งนี้ ก่อนเพิ่มสินทรัพย์ใหม่ กองทุนฯ มีผลกำไรประมาณ 5,400 ล้านบาท และหลังจากเพิ่มสินทรัพย์ทำให้ผลกำไรของกองทุนฯ จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 8,300 ล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนอัตราเงินปันผลหลังเพิ่มทุนนักลงทุนมีโอกาสรับเงินปันผลเกิน 8-9% ในปัจจุบัน สำหรับผลตอบแทนต่อหน่วยกรณี JASIF ไม่เพิ่มทุนอยู่ที่ 0.99 บาทต่อหน่วย แต่กรณี JASIF เพิ่มทุนแล้วขยับเป็น 1.04 บาทต่อหน่วย
          “กองทุนฯ เพิ่มทุนแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 2562 นี้ แล้วหลังจากนั้น กองทุนก็จะนำเงินที่ได้จากการขายหน่วยใหม่และสินเชื่อจากธนาคารที่กู้ยืมมา นำไปจ่ายค่าสินทรัพย์ของทาง JAS สำหรับวงเงินกู้ กองทุนฯ ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เพียงรายเดียว เนื่องจากเป็นเงินก้อนใหญ่” นายพรชลิต กล่าว
          สำหรับระยะเวลาการกู้ยืมเงินกับธนาคารกรุงเทพในปัจจุบัน คือ 10 ปี 5 เดือน โดยกองทุนฯ มีเป้าหมายชำระหนี้พร้อมเงินต้นและดอกเบี้ยให้หมดภายในระยะเวลาการกู้ยืมเงินดังกล่าว ทำให้หลังจากพ้นภาระหนี้แล้วกองทุนฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น และกองทุนฯ คำนวณแล้วว่าการกู้ยืมเงินจากธนาคาร ทำให้ต้นทุนกองทุนฯ ลดลง และในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ และมีส่วนทำให้ผลตอบแทนเงินปันผลเพิ่มขึ้น
          "วงเงิน 38,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมวงเงินไม่เกิน 22,500 ล้านบาท ที่เหลือแบ่งเป็นเม็ดเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินรวม 18,160 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น 15,500 ล้านบาทไว้ในการซื้อสินทรัพย์ใหม่ และส่วนต่างที่เหลืออีก 2,660 ล้านบาท กองทุนฯ จะนำไปชำระภาษีกับกรมสรรพากร แล้วทางกรมสรรพากรจะคืนเงินมาให้ กองทุนฯ จะนำเงินดังกล่าวไปจ่ายหนี้ธนาคาร อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่กองทุนฯ ต้องมีการกู้เงินกับธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากต้นทุนทางการเงินถูกกว่าการออกหน่วยลงทุนใหม่ โดยต้นทุนการกู้ยืมเงินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6% ขณะที่ต้นทุนในการออกหน่วยลงทุนใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 8-9% และในช่วงนี้ดอกเบี้ยจากการกู้ยืมอยู่ในระดับต่ำด้วย ทำให้กองทุนฯ สามารถสร้างผลตอบแทนเงินปันผลได้สูงขึ้น" นายพรชลิต กล่าว
          ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ระบุว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF ตอนนี้ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม IFF และ REIT ในประเทศไทย และยังคงแนะนำซื้อ JASIF ลดราคาเป้าหมายลงที่ 12.5 บาท
          ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายของ SCBS อิงกับสมมติฐานที่ว่า JASIF จะมีรายได้จากธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน 4.0 หมื่นล้านบาท ในปี 2575 ซึ่งหมายความว่า JAS จะเช่าทรัพย์สิน 80% ของ JASIF ถ้า JASIF ไม่สามารถทำรายได้ถึงระดับที่คาดการณ์ไว้ JAS อาจจะเช่าทรัพย์สินของ JASIF ไม่ถึง 80% การวิเคราะห์ความอ่อนไหวพบว่าการเช่าทรัพย์สินลดลงทุก ๆ 10% จะส่งผลกระทบทำให้ราคาเป้าหมายของ JASIF ปรับลดลง 0.7 บาทต่อหน่วย
          ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุด คือ JAS จะหยุดเช่าทรัพย์สินจาก JASIF หลังจากปี 2575 ราคาเป้าหมายของ JASIF จะปรับลดลงสู่ 8.0 บาท อย่างไรก็ตาม มองว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยรวมแล้ว ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ JASIF เพราะผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 10.1% ในปี 2563