TFFIF-JASIFหลุมหลบภัย หุ้นความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนสูง 5.5-10%

Published on 2019-09-06   By ข่าวหุ้น
โบรกฯ แนะเก็บ TFFIF-JASIF หลบภัยยามภาวะตลาดผันผวน ชี้เสี่ยงต่ำ–ผลตอบแทนสูง 5.5-10%
          นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนทั้งจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้หันมาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดที่ผันผวน การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจึงเป็นที่หลบภัยเนื่องจากความผันผวนต่ำกว่าหุ้นทุนแต่ให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นกู้อีกทั้งยังมีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้
          ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนที่บริษัทศึกษา มี 7 กองทุน ได้แก่ ABPIF, BRRGIF, BTSGIF, EGATIF, TFFIF, DIF และ JASIF มูลค่าสินทรัพย์รวม 4.5 แสนล้านบาท
          โดยกองทุนที่บริษัทมีมุมมองการลงทุนเป็นบวกและแนะนำ “ซื้อ”คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF จากจุดเด่นได้แก่ 1.อายุสิทธิคงเหลือ29ปี2.กระแสรายได้ที่มั่นคงจากกิจการทางพิเศษ3.ความผันผวนต่ำ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายดำเนินการ งบลงทุน
          และ 4.มีโอกาสที่จะอัดฉีดสินทรัพย์ใหม่เพิ่มเติมจากรัฐบาลซึ่งหุ้นของ TFIFF ถือว่าน่าดึงดูด เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทน (Market IRR) ที่ 5.5% และรัฐยังมีแผนจะเพิ่มมูลค่ากองจาก 4.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะได้โครงการมอเตอร์เวย์ 2 สายใหม่เข้ามาอยู่ในกองทุนนี้ด้วยให้ราคาเป้าหมายที่ 13.31 บาทต่อหุ้น (10.25 บาทมาจากสัญญาที่ถือครองอยู่ และอีก 3.05 บาท จากโอกาสในการอัดฉีดสินทรัพย์ใหม่ ประเมินสินทรัพย์ที่จะเข้ามาเบื้องต้น 2 หมื่นล้านบาท)
          ขณะที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือJASIF ให้ปันผลล่าสุดน่าดึงดูดที่9%อายุสัญญา 8 ปี มีโอกาสที่จะขยายสินทรัพย์เพิ่ม ซึ่งจะเพิ่มผลตอบแทนเงินปันผลเป็น 10% อายุสัญญาขยายเป็น 13 ปีโดยสินทรัพย์ใหม่ที่เพิ่มมา เพิ่มราคาหน่วยอีก2 บาทต่อหุ้นให้ราคาเป้าหมาย 11.21 บาทต่อหุ้น
          ส่วนที่แนะให้ขาย คือEGATIF และ BTSGIF เพราะทั้ง 2 ตัวแม้พื้นฐานแกร่งแต่ราคาแพงไป
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี (10-year government bond yield) ลดลงมาอยู่ที่ 1.46%ซึ่งเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องจากปลายปี 2561 ที่ 2.51%จากแนวโน้ม govt bond yield ที่ลดลงอย่างมาก ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่ม Property Fund, REIT, IFF ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา และ YTD
          โดยราคาที่ปรับขึ้นมามาก ทำให้ Sector yield เฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 5.02%มองว่ากลุ่ม Property Fund, REIT น่าจะยังเป็นที่พักเงินที่ค่อนข้างปลอดภัย จากเงินปันผลที่ยังค่อนข้างน่าสนใจ และจ่ายสม่ำเสมอ
          โดยชอบกลุ่ม Industrial REITs และ Telecom Infrastructure Fundเนื่องจาก กลุ่ม Industrial REIT ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และน่าจะได้รับประโยชน์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ และความคืบหน้าโครงการอีอีซีนอกจากนี้ กลุ่มคลังสินค้าน่าจะได้ประโยชน์จากธุรกิจอี-คอมเมิร์ซซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่วน Telecom Infrastructure Fund น่าสนใจเพราะรายได้มีความแน่นอน จากสัญญาเช่าระยะยาวกับผู้เช่ารายใหญ่ ทั้งยังมี trading liquidity สูง
          ทั้งนี้ แนวโน้มกลุ่ม Office ยังดีอยู่ในช่วง 1-2 ปีจากนี้แต่จะมีอุปทานเข้ามามากขึ้นตั้งแต่ปี 2564 ในขณะที่กลุ่ม Retail REIT น่าสนใจน้อยลงด้วยราคาที่ขึ้นมาแล้ว กอปรกับน่าจะได้รับผลกระทบในทางลบจาก Digital Disruption มากที่สุด