"JASIF"พิ่มทุนซื้อสินทรัพย์ดันปันผล-กำไรเข้ากระเป๋าจัสมิน

Published on 2019-08-22   By กรุงเทพธุรกิจ
รมย์รัมภา เริ่มรู้
          กรุงเทพธุรกิจ
          ทิศทางดอกเบี้ยในไทยเป็นขาลง อย่างชัดเจนแล้วทำให้ยิ่งกระตุ้นต้องหาสินทรัพย์ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากขึ้น จึงทำให้หุ้นที่เน้นจ่ายปันผลดีๆ สูง ๆ จึงเป็นที่น่าสนใจยิ่งความผันผวนของตลาดหุ้นในช่วงนี้ยิ่งต้องเฟ้นหาหุ้นที่ดีจริงๆ
          กลุ่มหุ้นปันผลที่สูงและยังปลอดภัยในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏว่าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ กองรีทส์ รวมทั้งยังมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานหรือ อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ ที่ได้รับ ความสนใจจากนักลงทุนสะท้อนจากราคาหน่วยลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเอาชนะตลาดหุ้นจากผลตอบแทนพุ่งสูงขึ้นมาแตะ 50-60 % ท่ามกลางการจ่ายอัตราเงินปันผลที่สูงในระดับ 5-6% ซึ่งบางกอง สูงได้ถึง 8 %
          แน่นอนว่าด้วยอัตราการปันผลที่สูงย่อมทำให้นักลงทุนชื่นชอบที่จะเข้าไปลงทุน เพราะเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นผลตอบแทนไม่สูงเท่า ความเสี่ยงอาจจะมากกว่า ที่สำคัญผลการดำเนินงานไม่ผันผวนเพราะมีแหล่งที่มาของรายได้ ที่ชัดเจน เมื่อกองทุนมีกำไรตามเกณฑ์จะนำกำไรมาจ่ายปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 90 %
          อีกด้านกองทุนดังกล่าวยังเป็นแหล่งหาเงินทุนให้กับผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจที่นำสินทรัพย์มาขายเข้ากองทุนไปด้วย โดยจะเห็นได้ว่ากองทุนดังกล่าวเปิดทางให้มีการเพิ่มทุนหรือจะกู้เงินเพื่อนำมาลงทุนในสินทรัพย์ ไปพร้อมๆ กับการลงทุนในสินทรัพย์นั้นๆ
          รวมไปถึงการสร้างผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลกลับคืนให้เจ้าของสินทรัพย์ในฐานะที่ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3ตามเกณฑ์การจัดตั้งกองทุน ซึ่ง ในช่วงที่ผ่านมากองทุนประเภทดังกล่าวที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่สูง หนีไม่พ้น กองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF ของตัวเอง บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS
          จากในช่วง ปี 2559-2562 กองทุน JASIF มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ในอัตราที่สูงต่อเนื่อง ตามงวดงบปีมีการจ่ายปันผลแทบทุกรายไตรมาส จนทำให้อัตราการจ่ายปันผลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7-8% และปีล่าสุด 2562 มีการจ่ายปันผล 0.23 บาทต่อหน่วย 0.24 บาทต่อหน่วย และ 0.23 บาทต่อหน่วย ส่งผลทำให้อัตราการจ่ายเงินปันผลมาอยู่ที่ 8.74%
          ตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน JAS เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 สัดส่วน 19% หรือ 1,045 ล้านหุ้น ส่งผลทำให้ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ JAS "พิชญ์ โพธารามิก" ได้รับเงินปันผลสูงขึ้น จนขึ้นแท่นแชมป์หุ้นปันผลในตลาดหุ้นไทยตามไปด้วย
          โดยปี 2561 ได้รับจำนวน 2,215 ล้านบาท เป็นเงินปันผลจาก JAS จำนวน 2,148 ล้านบาท ซึ่งมีการจ่ายเงินปันผล 2 ครั้ง จากผลการดำเนินงานปี 2560 รวม 0.50 บาทต่อหุ้น จากบริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO อีกจำนวน 67 ล้านบาท ซึ่งมีการจ่าย 1 ครั้ง 0.03 บาทต่อหุ้น และ ปี 2562 JAS มีการจ่ายปันผลออกมาแล้ว 0.28 บาทต่อหุ้น เป็นการจ่ายจากกำไร 97% สำหรับผลการดำเนินงานปี 2561 ซึ่งได้รับเงิน 1,280 ล้านบาท
          ตามแผนและการขออนุมัติประชุม ผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF มีการซื้อสินทรัพย์จาก JAS เพิ่มเติมคือเส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cable) 7 แสนคอร์กิโลเมตรมูลค่า 38,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการระดมทุนจากการเพิ่มทุนของกองทุน 24,629 ล้านหน่วย
          และจะมีเงินในส่วนของการกู้ เงินกู้ 18,160 ล้านบาท แบ่งเป็นจากสถาบันการเงินในประเทศไทยไม่เกิน 15,500 ล้าน บาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนส่วนหนึ่งสำหรับซื้อ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนเพิ่ม นอกจากนั้น กองทุนอาจทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศไทยอีกเป็นจำนวน ไม่เกิน 2,660 ล้านบาท เพื่อใช้ในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนเพิ่ม
          หากประเมินคราวๆ งวดปี 2562 มีโอกาสที่ JASIF จะจ่ายปันผลที่มากขึ้นตามสินทรัพย์ที่มีรายได้แน่นอนเข้ามา ส่งผลดีต่อผู้ถือหน่วย และเมื่อกลับไปดูหุ้น JAS ในฐานะผู้ถือหน่วยอันดับ 1 และเจ้าของสินทรัพย์ที่นำมาขายจะได้รับรายได้ พิเศษจากการขายสินทรัพย์รอบนี้