ลงทุนอินฟราฟันด์รับปันผล

Published on 2019-08-01   By ฐานเศรษฐกิจ

จังหวะราคาปรับลง-โบรกฯเชียร์ JASIF-TFFIF
          โบรกฯแนะลงทุนหุ้นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) รับปันผลยาว ชี้เป็นจังหวะซื้อสะสมหลังราคาหุ้นย่อตัว บล.กสิกรไทยฯ เชียร์ JASIF รับข่าวเพิ่มทุนและ TFFIF จากการอัดฉีดสินทรัพย์ใหม่
          การลงทุนในหุ้นกลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอจากเงินปันผล และเลือกทำกำไรจากการเข้าซื้อในจังหวะที่หุ้นอ่อนตัว โดยในช่วง 2 สัปดาห์ (11-26 ก.ค.62) ที่ผ่านมา พบว่าดัชนี IFF ปรับลดลงแล้ว 2.7% นำโดย JASIF (-5.0%), BTSGIF (-3.5 %), TFFIF (-2.4%) และ DIF (-2.3%)    นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าหุ้นกลุ่ม IFF โดยธรรมชาติจะผันผวนน้อยกว่าตลาด แต่ที่ผ่านมามีนักเก็งกำไรโดดเข้ามาถือในช่วงสั้นๆ ทำให้ผันผวนสูง ราคาปรับขึ้นเกินจริง  โดยหุ้นกลุ่มนี้หากปรับขึ้นเกินพื้นฐาน เราจะแนะนำให้ขาย ได้แก่ EGATIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้น
          ฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย), DIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล) และ ABPIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์) (ตารางประกอบข่าว)    "ABPIF เราแนะให้ขาย เนื่องจากไม่มีการต่ออายุหรืออัดฉีดสินทรัพย์ใหม่ และคาดว่าราคาตลาดจะปรับลดลงมากจากแผนการปรับลดลงเงินทุนและสภาพคล่องการซื้อขายที่ต่ำ โดยแผนในครึ่งปีหลัง ABPIF จะปรับลดเงินลงทุนลง 462 ล้านบาท หรือที่ 0.77 บาท/หน่วย จากแผนการปรับลดเงินทุนลงทั้งปี 1,150 ล้านบาท"  ส่วนหุ้นกลุ่ม IFF ที่แนะนำซื้อมี 2 ตัวคือ TFFIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย) และ JASIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน) โดย TFFIF ราคาแม้จะปรับขึ้นมามาก  ( YTD ปรับขึ้น 22.8%) แต่มีสตอรีจากโอกาสที่จะได้รับการอัดฉีดสินทรัพย์ใหม่ให้ราคาเป้าหมาย 13.37 บาทมาจากมูลค่าสินทรัพย์ปัจจุบันของ TFFIF ที่ 10.29 บาท และมูลค่าส่วนเพิ่ม 3.08 บาท (ราคาปิด 12.40 บาท อัพไซด์ราว 1 บาท ) แนะนำซื้อ เนื่องจาก 1. อายุของ กองทุนที่เหลืออยู่ถึง 29 ปี 2. กระแสรายได้ที่มั่นคงจากกิจการทางพิเศษ 3. ความผันผวนต่ำ และการอัดฉีดสินทรัพย์ใหม่
          ส่วน JASIF คาดว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นได้อีก 1 บาท หรือมีอัพไซด์ 13.5% จากความคืบหน้า ในการซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุน และปัจจัยบวกจากการเพิ่มทุน (RO) คาดสำนักงาน ก.ล.ต.จะอนุมัติแผนเพิ่มทุนของ JASIF และเพิ่มทุนได้ภายในเดือนพฤศจิกายน- ธันวาคมปีนี้
          "แผนการเพิ่มทุนจะดันให้ราคา JASIF ปรับขึ้นยืนระดับ 12.50 บาทได้ เท่ากับว่านักลงทุนจะได้ฟรีๆจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ประมาณ 1 บาท/หุ้น"  สำหรับ IFF ที่ยังคงแนะให้ "ถือ" ได้แก่ BTSGIF  (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท) ให้ราคาเป้าหมาย 11.20 บาท และ BRRGIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์) ราคาเป้าหมาย 9.40 บาท เพราะราคาปรับขึ้นไม่มาก และ BTSGIF มีสตอรีจากคาดการณ์การบรรลุข้อตกลงระหว่าง กทม.และบริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ  BTSC และ BTSC ทำการขายสัญญาค่าโดยสารทั้งสายสีเขียวใหม่ให้กับ BTSGIF  บทวิเคราะห์บล.กสิกรไทย ระบุว่ายังคงมุมมองเป็น "บวก" ต่อกลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) เพราะคาดว่าสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำจะดำเนินต่อไปสักระยะหนึ่ง โดยได้ระมัดระวังการเลือกหุ้นเด่นมากขึ้น หลังจากราคาหุ้นกลุ่ม IFF ปรับสูงขึ้นในเชิง YTD  (ปรับเพิ่มขึ้น 13.6%เทียบ SET Index ปรับขึ้นราว 10%) อย่างไรก็ตามราคาหุ้นกลุ่ม IFF ที่ปรับลดลงช่วงหลัง สะท้อน 1. การขายทำกำไร 2. ท่าทีแน่วแน่ของธปท.ที่จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆนี้ 3. ผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) 10 ปีของสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้น และข่าวลือที่ว่ากฎเกณฑ์ LTF ใหม่จะไม่รวม IFF เข้ามาในพอร์ต ราคาหุ้นกลุ่ม IFF ที่ปรับลดลงช่วงหลังสร้างโอกาสในการเข้าซื้อ JASIF และ TFFIF
          ด้านบล.หยวนต้า(ประเทศ ไทย) จก.ระบุในบทวิเคราะห์  ได้ปรับเพิ่มสมมติฐานการซื้อสินทรัพย์รอบใหม่ของ DIF หลังได้ประกาศราคาเพิ่มทุนเข้าซื้อสินทรัพย์รอบใหม่ที่ 15.90 บาทต่อหุ้น XB วันที่ 2 สิงหาคม 2562 โดยได้ปรับประมาณกำไรปกติปี 2562 และปี 2563 ขึ้น 4.3% และ 11.0% ตามลำดับ สะท้อนผลการซื้อสินทรัพย์รอบใหม่ โดยปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 17.50 บาทต่อหุ้นและคาดผลตอบแทนจากเงินปันผลหลังเพิ่มทุนในปี 2562 และ 2563 ที่ 6.2% และ 6.3% ต่อปีตามลำดับ ทั้งนี้แม้ DIF จะมีอัพไซด์จำกัด แต่ DIF ยังเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาเงินปันผล