ตื่นทิ้ง"แจส"ส่อไร้ดีลซื้อหุ้น รายย่อย"ถล่มขาย"ฉุดราคาร่วง 17%

Published on 2019-07-24   By กรุงเทพธุรกิจ

โบรกคาดระยะสั้นร่วงต่อ จับตาแรงซื้อคืนรับปันผล
          กรุงเทพธุรกิจ นักลงทุนแพนิกขายหุ้น "แจส" หลังข่าวลือเรื่องค่ายมือถือสนซื้อกิจการส่อเค้าไม่เป็นจริง กดราคาหุ้นรูดวูบเดียวราว 20% ด้าน บล.กสิกร ประเมินแนวโน้มราคาส่อร่วงต่ออีก 1-2 วัน ก่อนมีแรงซื้อกลับหวังรับปันผลพิเศษ ขณะ "ดีบีเอส" ประเมินยังซื้อเก็งกำไรได้ เหตุปันผลพิเศษให้ยิลด์สูงถึง 15.5%
          การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ในวานนี้(23ก.ค.) ค่อนข้างร้อนแรงและผันผวน โดยช่วงเช้าราคาหุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวกมีราคาสูงสุดของวันที่ 7.80 บาท ก่อนจะมีแรงขายอย่างหนักในช่วงเที่ยงวันและใช้เวลาไม่กี่นาทีกดราคาหุ้น JAS ไหลลงมาอยู่ระดับต่ำสุดของวันที่ 5.90 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้าราว 22.3% หลังจากนั้นมีแรงซื้อสลับกับแรงขายอย่างต่อเนื่อง จนราคาหุ้นมาปิดตลาดที่ระดับ 6.30 บาท ลดลง 1.30 บาท คิดเป็น การลดลง 17.11% มูลค่าการซื้อขายรวม 4,299.11 ล้านบาท
          นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาหุ้น JAS ปรับตัวลดลงแรงวานนี้(23 ก.ค.)เนื่องจาก นักลงทุนขายออกมาเพราะ ราคาหุ้นก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นแรงไปแตะ 8 บาท จากกรณีที่ JAS จะมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) หลังจากนั้นมีข่าวลือออกมาว่า JAS จะมีการควบรวมกิจการกับ ค่ายมือถือ ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เพื่อดันให้ราคาหุ้นขึ้น แต่พอข่าวลือดังกล่าวเริ่มชัดเจนว่าไม่เป็นความจริง นักลงทุนเลยขายหุ้น JAS ออกมาทำให้ราคาร่วงแรงในวานนี้
          ส่วนแนวโน้มหุ้น JAS ประเมินว่า ราคายังมีโอกาสปรับลดลงต่อเนื่องอีก 1-2 วัน จากแรงขายที่น่าจะยังมีอยู่ หลังจากนั้นราคาหุ้นมีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นมา เพราะ JAS ยังมีข่าวดีเรื่องการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และยังมีการจ่ายเงินปันผลพิเศษอีกราว 1.72 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูง หลังจากขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF ซึ่งจะได้เงินก้อนใหญ่   อย่างไรก็ตามหากราคาหุ้นลงมาต่ำกว่าระดับ 6 บาท แนะนำให้เข้าซื้อเก็งกำไรได้ แต่ต้องหาจังหวะในการเข้า โดยควรเข้าซื้อก่อนที่จะขึ้น XD และแม้ JAS ขายสินทรัพย์เข้ากองทุนแล้ว ซึ่งทำให้ JAS มีกำไรลดลง เพราะต้องนำเงินไปจ่ายค่าเช่า แต่ไม่มีผลทำให้ JAS ขาดทุน เพราะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าขายสินทรัพย์เข้ากองทุนแล้ว JAS จะขาดทุน
          ดังนั้นด้วยตัวธุรกิจของ JAS ถือว่าจะค่อยๆดีขึ้น จากที่มีการสร้างฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อทำให้รายได้ และอีบิทด้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึง ส่วนตัวมองว่าธุรกิจบรอดแบนด์ ยังคงน่าลงทุน  เพราะ ปัจจุบันมีคนเข้าใจผิด จำนวนมาก ว่า เทคโนโลยี 5G จะเข้ามาแทนที่ธุรกิจบรอดแบนด์ ซึ่งประเด็นดังกล่าว นั้น ยังอีกไกล ยังไม่เกิดทันที ทำให้ บรอดแบนด์ยังสามารถลงทุนได้ในอีก 20-30 ปี ข้างหน้า   โดย บล.กสิกรไทย ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น JAS ปีนี้ที่ 6.70 บาท
          ส่วนกรณีที่หุ้นกลุ่มสื่อสาร วานนี้ ปรับตัวลดลงแรงสุด กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย เพราะราคาหุ้นกลุ่มสื่อสาร ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี และนักลงทุนกังวลปัจจัยบางอย่าง เช่น JAS  ซึ่งทาง บล.กสิกรไทย ยังคงแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มสื่อสาร ตั้งแต่ปี 2561 เพราะ มองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโต แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดี คนประหยัดในการใช้จ่าย แต่ยังไงประชาชนยังคงต้องใช้โทรศัพท์ ใช้อินเทอร์เน็ต โดยหุ้นเด่นในกลุ่มสื่อสารที่แนะนำซื้อ คือ TRUE เพราะ ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นน้อยสุดในกลุ่ม ให้ราคาเหมาะสม ที่ 7.77 บาท
          นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ยังไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้น JAS ปรับตัวลงแรง โดยคาดว่าอาจเป็นแรงขายทำกำไรออกมาจากก่อนหน้าราคาหุ้นปรับตัวขึ้น และยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายเรื่อง เช่น การถูกซื้อกิจการ การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯที่มีความล่าช้า ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง จึงทำให้นักลงทุนขายลดความเสี่ยงออกมาก่อน
          ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไร จากประเด็นที่ JAS จะมีการจ่ายเงินปันผลพิเศษออกมา หลังจากที่มีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ คาดว่าปันผลพิเศษจะอยู่ที่ 1 บาท ซึ่งหากประเมินจากราคาหุ้นที่ 6.45 บาท จะให้ผลตอบแทนเงินปันผล (ดิวิเดนยิลด์) ที่ 15.5%
          แหล่งข่าวนักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาหุ้น JAS ที่ปรับตัวลดลงแรงวานนี้ คาดว่าจะมี นักลงทุนรายย่อย ถูกบังคับขายหุ้น (ฟอสเซล) ออกมาจำนวนมาก ซึ่งเป็นการซ้ำเติมให้ราคาหุ้นปรับลดลงมาค่อนข้างมากด้วย