JASโชว์กำไรโตสนั่น82% JASIFปันผลสูง23สตางค์

Published on 2019-02-20   By ข่าวหุ้น
JAS แจ้งงบปี 61 โชว์กำไรสุทธิ 4,912 ล้านบาท โตสนั่น 82.4% ควักกำไรสะสม 2,278 ล้านบาท จ่ายปันผลหุ้นละ 28 สตางค์ ดิวิเดนด์ยีลด์สูง 4.5% แขวน XD วันที่ 4 มี.ค.นี้ โชว์ฐานลูกค้า 3BB พุ่ง 2.94 ล้านราย ฟาก JASIF ประกาศจ่ายปันผล 23 สตางค์ กำหนด XD วันที่ 1 มี.ค.นี้
          นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2561 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 4,912 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 82.4% จากงวดปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 2,693 ล้านบาท
          โดยผลการดำเนินงานงวดปี 2561 ทางบริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 18,446 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงปี 2560 ที่มีรายได้รวมจำนวน 17,733 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB
          สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการของ 3BB ในปี 2561 มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจำนวน 287,287 ราย เมื่อหักหนี้สูญจำนวน 71,516 ราย เท่ากับมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 215,771 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของลูกค้า FTTx ซึ่งลูกค้า FTTx เพิ่มขึ้นสุทธิ 708,852 ราย และ ณ สิ้นปี 2561 มีลูกค้าใช้บริการ 3BB ทั้งสิ้น 2.94 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ประมาณ 1.027 ล้านราย
          ด้านกำไรจากการดำเนินงานงวดปี 2561 อยู่ที่จำนวน 2,339 ล้านบาท ปรับลดลงจากงวดปี 2560 ที่มีกำไรดำเนินงาน 2,392 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2561 ทางบริษัทยังมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 48 ล้านบาท และมีกำไรจากการขายเงินลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) จำนวน 3,650 ล้านบาท
          นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงสำรองประกันรายได้ค่าเช่า OFC ของ JASIF จากการเปลี่ยนแปลงอัตราคิดลด (การเพิ่มของค่าเช่า) จำนวน 31 ล้านบาท ส่วนรายการสำรองหนี้สงสัญจะสูญและหนี้สูญของ 3BB มีจำนวน 231 ล้านบาท สำรองประมาณการหนี้สินตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทจำนวน 613 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี อย่างไรก็ตาม บริษัทเห็นแตกต่างกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งบริษัทจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป ส่วนการบันทึก Deferred Taz ของบริษัทมีจำนวน 311 ล้านบาท
          ดังนั้น จากข้อมูลข้างต้นส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิปี 2561 จำนวน 4,913 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 82.4% จากงวดปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 2,693 ล้านบาท ขณะที่ JASIF มีรายได้รวมในปี 2561 จำนวน 5,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2560 ที่มีรายได้รวม 5,803 ล้านบาท และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ณ สิ้นปี 2561 จำนวน 58,904.67 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.7099 บาทต่อหน่วย
          ขณะเดียวกัน ทางที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2561 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน 8,138,865,863 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.28 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,278,882,441.64 บาท คิดเป็น 97.3% ของกำไรสะสม ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2561
          สำหรับการจ่ายเงินปันผล 0.28 บาท ครั้งนี้ ถือเป็นการจ่ายปันผลจากกำไรสะสม โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อไม่มีสิทธิได้ปันผล) ในวันที่ 4 มี.ค. 2562 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 5 มี.ค. 2562 และจ่ายปันผลในวันที่ 23 พ.ค. 2562
          ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น JAS ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา มีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นตลอดวันทำการ โดยทำราคาเปิด 6.20 บาท ทำราคาสูงสุดของวันที่ 6.20 บาท ทำราคาต่ำสุด 6.05 บาท และปิดตลาดที่ 6.15 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 0.82% เมื่อเทียบราคาปิดก่อนหน้า ดังนั้น จากเงินปันผลบริษัทจ่ายจำนวน 0.28 บาท จะคิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล (ดิวิเดนด์ยีลด์) ที่ 4.5% เมื่อเทียบราคาปิดล่าสุด 6.15 บาท
          JASIF จ่ายปันผล 23 สตางค์
          รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของ JASIF เปิดเผยว่า ขณะนี้ขอแจ้งกำหนดการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 16 จากผลการดำเนินงาน 1 ต.ค.-31 ธ.ค. 2561 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.23 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,265 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 1 มี.ค. 2562 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 19 มี.ค. 2562
          ขณะที่ บล.บัวหลวง ระบุว่า คาดกำไรหลักของ JASIF ไตรมาส 1/2562 ที่ 1.37 พันล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยถูกกลบด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าบริหารจัดการกองทุนที่เพิ่มขึ้น และเนื่องจากไม่มีการโอนสายไฟเบอร์ออปติกเพิ่มเติมตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา
          โดยอัตราการเติบโตของรายได้ค่าเช่าจึงมาจากอัตราค่าเช่าที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งอิงกับดัชนีราคาผู้บริโภคของปีก่อนหน้า และเนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% สำหรับในปี 2561 เราจึงใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของค่าเช่าเฉลี่ยที่ 1% ในปี 2562 และประมาณการรายได้ค่าเช่าที่ 1.47 พันล้านบาท สำหรับไตรมาส 1/2562 เพิ่มขึ้น 1% และคาดเงินปันผลต่อหน่วยที่ 0.22-0.23 บาท สำหรับไตรมาส 1/2562
          ด้านการขายสายไฟเบอร์ออปติกเฟสสองอีกจำนวน 9.8 แสนคอร์กม. เข้า JASIF ซึ่งแต่เดิมคาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2561 มีแนวโน้มเลื่อนออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2562 แทน (เลื่อนจากช่วงครึ่งแรกของปี 2562)
          ทั้งนี้ ประเด็นหลักของการลงทุนอยู่ที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่สูงถึง 8.6% ในปี 2562 ซึ่งยังคงน่าสนใจถ้าเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดซึ่งอยู่ที่ 3% อัพไซด์จะมาจากการปรับประมาณการกำไรต่อหน่วยและเงินปันผลต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจากการขายสายไฟเบอร์ออปติกอีกจำนวนไม่เกิน 9.8 แสนคอร์กม. เข้า JASIF ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมายราคาพื้นฐาน 12 บาท/หุ้น
          ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประกาศรายได้สุทธิงวดไตรมาส 4/2561 เท่ากับ 1.37 พันล้านบาท (+0.7% จากปีก่อน, +0.8% จากไตรมาสก่อน) มาจากรายได้ค่าเช่าที่ +0.7% จากปีก่อน และทรงตัว จากไตรมาสก่อนที่ 1.45 พันล้านบาท มีขาดทุนจากการด้อยค่าในการตีมูลค่าสินทรัพย์ 365 ล้านบาทในปี 2561 แต่ยังจ่ายปันผลได้สูง โดยงวดไตรมาส 4/2561 ประกาศจ่าย 0.23 บาท/หุ้น กำหนด XD วันที่ 1 มี.ค. 2562 และทั้งปี 2561 เท่ากับ 0.90 บาท/หุ้น
          สำหรับการซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ เฟส 2 ยังไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ และคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4/2562 แนะนำซื้อเพื่อรับปันผลสูง คาดการณ์ Dividend yield ปี 2562 เท่ากับ 8.9% จ่ายทุกไตรมาส