ตลท.เปิด32หุ้นพิมพ์นิยม JAS-INTUCH-SCBนำทีม

Published on 2018-12-13   By ข่าวหุ้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ มองวิกฤตเป็นโอกาสซื้อหุ้นชั้นดี เฟ้นหุ้น 32 ตัว พื้นฐานดี ผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น กำไรเติบโตมากกว่า 10% ปันผลสูงมากกว่าค่าเฉลี่ยตลาด 3.5% นำโดย JAS–MBKET–KKP-LH–TISCO–TCAP-INTUCH และ SCB เผยหุ้นไอพีโอ ร่วงต่ำจองเป็นเหตุผลของแต่ละบริษัท
          นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นผันผวนเนื่องจากได้รับปัจจัยลบจากต่างประเทศ ส่วนปัจจัยในประเทศมีความเข้มแข็ง เห็นได้จากการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนในประเทศเติบโต 5% จึงมองว่าตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
          ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้รวบรวมข้อมูล พบว่า มีหุ้น 32 บริษัท ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 10% ต่อปีตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 3.5% ขณะที่ราคาหุ้นเหล่านี้ปรับตัวลง จึงเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีในราคาที่เหมาะสม
          สำหรับรายชื่อหุ้น 32 บริษัท ได้แก่ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB, บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS, บริษัท พาโตเคมีอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ PATO, บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET, บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC, บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP
          บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI, ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP, บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW, บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH, บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK, บริษัท อลูคอน จำกัด (มหาชน) หรือ ALUCON, บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL
          บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO, บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH, บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) หรือ TCCC, บริษัท อุตสาหกรรมถังโลหะไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMD, บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP, บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC, บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG, บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC
          บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW, บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS, บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) หรือ SAUCE, บริษัท ทักษิณคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SCP, บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW, บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
          นายศรพล กล่าวอีกว่า จากสถิติหุ้นไอพีโอปี 2560-2561 ราคาปิดการซื้อขายวันแรก (First day trade) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาจองซื้อถึง 80% โดยปี 2560 มีหุ้นไอพีโอ 42 บริษัท ราคาปิดวันแรกต่ำจองเพียง 8 บริษัทเท่านั้น ขณะที่ปี 2561 มีหุ้นไอพีโอ 20 บริษัท ต่ำจองวันแรกเพียง 4 บริษัท
          ขณะเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมา หุ้นไอพีโอมีผลตอบแทนจากราคาหุ้น (Capital gain) มากกว่าค่าเฉลี่ยของ Market Index ทั้ง SET และ mai คิดเป็นสัดส่วน 50-60% จากหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายทั้งสิ้น 62 บริษัท โดย 21 บริษัทราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยของ Market Index เกิน 20%
          "หุ้นไอพีโอยังไม่ได้หมดยุคหรือเป็นขาลงตามที่เป็นกระแส เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา 80% ของหุ้นที่เข้าซื้อขายราคาปิดวันแรกจะมากกว่าราคาจองซื้อ เพียงแต่ช่วง 1-2 เดือนหลังภาวะตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน พอมีหุ้นไอพีโอต่ำจองตัวแรก จึงส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในตัวที่เหลือ นอกจากนี้ยังมาจากเหตุผลเฉพาะตัวของหุ้นแต่ละบริษัท อย่างไรก็ดี ภาวะแบบนี้จะเกิดขึ้นแค่ระยะสั้นเท่านั้น" นายศรพล กล่าว
          นายศรพล กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจากต้นปีถึงปัจจุบันผลตอบแทนลดลง 7.6% ต่ำกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดเกิดใหม่ ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณการไหลกลับของเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติมากขึ้น โดย 1-11 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการซื้อสุทธิ 4,654.85 ล้านบาท เป็นเดือนแรกในรอบ 14 เดือนที่เป็นการซื้อสุทธิ หลังจากที่ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มผ่อนคลายลง
          "ปีนี้ตลาดเกิดใหม่ผลตอบแทนเฉลี่ย -16.7% ส่วนในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ -12.6%, อินโดนีเซีย -10.8%, ฟิลิปปินส์ -17.4% หรือตลาดหุ้นขนาดใหญ่ในเอเชีย เช่น จีน -26.1%, เกาหลี -21.1%, ฮ่องกง -13.9% และไต้หวัน -12.3% สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยมีพื้นฐานที่แข็งแรง ที่ตลาดผันผวนเกิดจากปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วภูมิภาค" นายศรพล กล่าว