สบช่องซื้อDIF-JASIF ราคาต่ำกว่า"เอ็นเอวี" ถูกอัพราคาเป้าหมาย/ผลตอบแทนพุ่ง 9%

Published on 2018-09-05   By ข่าวหุ้น
นักวิเคราะห์แนะเก็บหุ้นปันผลสูงเข้าพอร์ต พร้อมแนะกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF พร้อมขยับราคาขึ้นเป็น 16.20 บาท จากเดิม 15.90 บาท หลังเพิ่มทุนซื้อสินทรัพย์รอบ 2 เสร็จ กระแสเงินสดดี ดันอายุกองทุนเพิ่มเป็น 21 ปี จากเดิม 12 ปี ด้านJASIF  ราคาปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าหน่วย หรือ NAV ค่อนข้างมาก ขณะที่โบรกฯ ให้เป้าอยู่ที่ 12.00 บาท ชี้ผลตอบแทนพุ่งเกือบ 9%
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ได้แนะนำให้เก็บหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลระดับสูงเข้าพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยง และรับมือกับช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง
          บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIFเป็น16.20บาท (เดิม15.90บาท)หลังมองว่ากองทุนมั่นคงมากขึ้นหลังซื้อสินทรัพย์รอบที่สองกองทุนDIFเพิ่มทุน 3,830 ล้านหน่วย ราคาหน่วยละ 13.90 บาท เพื่อซื้อสินทรัพย์รอบที่ 2 โดยได้เงินจากการเพิ่มทุน 5.32 หมื่นล้านบาท
          ประกอบกับเงินกู้ 2 พันล้านบาท เข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 5.52 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเสาโทรคมนาคม 2,589 หน่วย (+20%) และไฟเบอร์ ออพติก 1.2 ล้านคอร์กิโลเมตร (+77%)
          กระแสเงินสดของกองทุนมั่นคงมากขึ้น อายุเฉลี่ยของกองทุนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 21 ปี จากเดิมเฉลี่ยราว 12 ปี หลังการซื้อสินทรัพย์รอบที่ 2 แล้วเสร็จไปในเดือน พ.ค. 2561
          ประกาศจ่ายปันผลสำหรับครึ่งปีแรกไปแล้ว 0.495 บาท/หน่วย โดยเป็นการจ่ายสำหรับผลการดำเนินงานรอบ ม.ค.-เม.ย. 2561 เท่ากับ 0.337 บาท/หน่วย (ก่อนการเพิ่มทุน) และจ่ายสำหรับผลการดำเนินงานรอบ พ.ค.-มิ.ย. 2561 เท่ากับ 0.158 บาท/หน่วย
          ทั้งนี้ กระแสเงินสดของกองทุนมีความเสี่ยงน้อยลงหลังซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนรอบที่สอง จึงปรับลดอัตราคิดลดในการประมูลมูลค่าDIFด้วยวิธีDCFสะท้อนความเสี่ยงที่น้อยลง ทำให้WACCใหม่เป็น 7.1%
          ด้านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน(JASIF) รายงานมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ณ วันที่31 กรกฎาคม2561มูลค่าหน่วย (บาทต่อหน่วย) หรือNAVอยู่ที่ 10.8200บาท(สูงกว่าราคากระดาน 10.30-10.40 บาท ) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 59,510,022,010บาท
          บล.บัวหลวง ระบุว่า ประมาณการกำไรของJASIFไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 1.36 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% และทรงตัว จากไตรมาส 2 และคาดรายได้ค่าเช่าในไตรมาส 3/2561 ที่ 1.45 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% (ซึ่งอิงกับอัตราค่าเช่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามดัชนีราคาผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น)
          นอกจากนี้ ได้ทำการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 เพิ่มขึ้นอีก 1.8% (มาอยู่ที่ 5.52 พันล้านบาท) เพื่อคำนวณรวมกำไรพิเศษที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงดังกล่าวในไตรมาส 2/2561 แต่ยังคงประมาณการกำไรหลักปี 2561 พร้อมแนะนำ“ซื้อ”เป้าหมายราคา 12.00 บาท
          วานนี้ราคาหุ้น JASIF ปิดที่ 10.30 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง โดยผลตอบแทนอยู่ที่ 8.83% ต่อหน่วย