JASพื้นฐานดีไม่เปลี่ยน ยึดมาร์เก็ตแชร์อันดับ2 ฟาก JASIF โบรกฯ เพิ่มยีลด์ปันผลพุ่ง 10.9%

Published on 2018-07-10   By ข่าวหุ้น

JAS พื้นฐานแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง โบรกฯ ชี้ ธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตโตไม่หยุด ปั๊มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าไตรมาสละ 70,000 ราย ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 2 เชียร์ “ซื้อ” เป้าราคา 7.20 บาท ฟาก JASIF โบรกฯ ปรับเพิ่มผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็น 10.9% จากเดิม 9% จากแผนเข้าซื้อสินทรัพย์ใหม่ปี 62 กำหนดเป้าราคา 12.20 บาท
          นางสาวมินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พื้นฐานธุรกิจของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดย JAS ยังเติบโตจากธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่จำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ (Net Additional Subscriber) โดยเฉลี่ยยังคงมีการเติบโตไม่ต่ำกว่าไตรมาสละ 70,000 ราย ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 74,736 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx เนื่องจาก JAS มีการทำโปรโมชั่นกลุ่มนี้มากขึ้น
          ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2561 ลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB มีจำนวน 2.8 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ประมาณ 441,000 ราย เพิ่มขึ้นจาก 320,000 ราย ในสิ้นปี 2560 และเพิ่มขึ้นจาก 110,000 ราย ในสิ้นปี 2559
          สำหรับส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในช่วงสิ้นปี 2560 ของ JAS มีสัดส่วนอยู่ที่ 34% จากตลาดบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่มีจำนวนผู้ใช้บริการรวมอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านราย โดยตลาดของ JAS ยังเป็นลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งมีคู่แข่งขันเป็น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT อย่างไรก็ตาม มองว่าความสามารถในการแข่งขันของ TOT ยังน้อยกว่าเอกชน
          ขณะที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เน้นขยายตลาดในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ ส่วนการขยายตลาดในต่างจังหวัด TRUE และ ADVANC ยังไม่ครอบคลุมเท่ากับ JAS
          ส่วนราคาหุ้น JAS ที่มีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา โดยหากมองจากพื้นฐาน คาดว่ามีปัจจัยกดดันจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF รอบ 2 มูลค่า 50,000-70,000 ล้านบาท ยังคงไม่มีความชัดเจน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขการเช่ากับ JASIF และจะมีการประชุมผู้ถือหน่วยเพื่อเห็นชอบ ซึ่งจะมีการจัดประชุมดังกล่าวในเดือน ส.ค.-ก.ย. 2561 และคาดว่าจะมีความชัดเจนในการขายสินทรัพย์เข้า JASIF รอบ 2 ในช่วงต้นปี 2562
          ขณะเดียวกัน นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการจ่ายเงินปันผลน้อยลงกว่าในอดีต เนื่องจากคาดว่ากำไรของ JAS จะเติบโตไม่สม่ำเสมอ และในช่วงที่ผ่านมา JAS มีการจ่ายเงินปันผลบ่อย ทำให้ฐานะการเงินไม่แข็งแกร่ง รวมทั้งนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับกรณีศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้พิพากษาให้ JAS ชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินรายหนึ่งเป็นจำนวนเงินประมาณ 313.9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยของเงินต้นดังกล่าวจนกว่าบริษัทจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายนั้นเสร็จสิ้น ต่อมาได้พิพากษาให้บริษัทชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินอีกหนึ่งรายคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 33 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา LIBOR บวกด้วย 4% ต่อปี นับจากวันที่ 15 ก.ย. 2546 จนกว่าบริษัทจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายนั้นเสร็จสิ้น ซึ่ง JAS ได้มีการประเมินภาระหนี้ที่ต้องจ่ายเพิ่ม หรือตั้งสำรองเพิ่มประมาณ 1,000 ล้านบาท (เงินต้นรวมดอกเบี้ย)
          นอกจากนี้ ในวันนี้ (10 ก.ค. 2561) หุ้นเพิ่มทุนบริษัท JAS จำนวน 210,872,846 หุ้น จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก โดยหุ้นเพิ่มทุน JAS ดังกล่าวจัดสรร เพื่อการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ (JAS-W3) จำนวน 179,925,638 หุ้น ในอัตรา 1 หุ้นเดิม ต่อ 1.172 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ทำให้ JAS มีหุ้นสามัญเพิ่มเป็น 7,908,201,415 หุ้น และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 3,954,100,707.50 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ราคา 7.20 บาท
          ก่อนหน้านี้ นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุนในปี 2561 ไว้ที่ 7,000-10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายโครงข่าย FTTx ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายครอบคลุม 80% ของจำนวนครัวเรือนทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2561 และตั้งเป้าหมายในปี 2563 มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการของ TTTBB หรือลูกค้า 3BB อยู่ที่ 5 ล้านราย จากในไตรมาส 1/2561 บริษัทมีลูกค้า 3BB อยู่ที่ 2.8 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 ที่มีลูกค้าที่ใช้บริการ 3BB ทั้งสิ้น 2.726 ล้านราย โดยคาดว่าแต่ละไตรมาสลูกค้า 3BB จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 100,000 ราย ส่วนงบลงทุนในปีถัด ๆ ไป คาดว่าจะไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้เป็นการขยายโครงข่าย แต่ส่วนใหญ่เป็นการขยาย last mile ไปยังบ้านลูกค้า
          ทั้งนี้ บริษัทพยายามมีมาร์เก็ตแชร์ของบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต เป็นอันดับ 1 ให้ได้ จากสิ้นปี 2560 บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 33% ถือเป็นอันดับ 2 ในตลาดที่มีกว่า 8.2 ล้านราย ขณะที่ TRUE อยู่อันดับ 1 มีมาร์เก็ตแชร์ 38% และ TOT อยู่อันดับ 3 มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 17% และ ADVANC อยู่อันดับ 4 มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 6%
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2561 ต่อเนื่องมาถึงต้นเดือน ก.ค. 2561 โดยล่าสุดจากการสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้น JAS วานนี้ (9 ก.ค. 2561) พบว่าได้ทำราคาเปิดการซื้อขายที่ระดับ 4.76 บาท ทำราคาสูงสุดของวัน ที่ 4.82 บาท จากนั้นราคาหุ้นได้ทยอยลดลงต่อเนื่องจนทำราคาต่ำสุดของวัน ที่ 4.70 บาท และสุดท้ายปิดตลาดในแดนลบด้วยราคาต่ำสุดของวัน ที่ 4.70 บาท ปรับลดลง 0.02 บาท หรือคิดเป็นลดลง 0.42% เมื่อเทียบราคาปิดก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 156.90 ล้านบาท
          ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” JASIF แต่ปรับราคาเป้าหมายตามวิธี DCF ลงมาอยู่ที่ 12.20 บาท โดย JASIF มีแผนเข้าซื้อสินทรัพย์ใหม่รอบ 2 ในปี 2562 เชื่อว่าการซื้อสินทรัพย์จะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเพิ่มเป็น 10.9% ในปี 2563 นอกจากนี้ยังมองว่า JAS ยังสามารถจ่ายค่าเช่าเพิ่มให้กับ JASIF ได้ แม้ไม่มีสินทรัพย์ใหม่ แต่อัตราผลตอบแทนปันผลที่ 9% ยังน่าสนใจ
          ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าจะไม่มีการขยายเวลาอายุสัญญาการเช่าโครงข่ายสำหรับเฟสแรก ยังผลให้อัตราค่าเช่าที่รับประกันไว้ที่จะสิ้นสุดลงเดือน ก.พ. 2569 ควรจะมีการปรับลง โดยตามสมมติฐานแล้วเราให้ปรับลดเป็น 35% ในการปล่อยเช่าต่อไป
          JASIF ได้มีการทบทวนราคาการรับซื้อสินทรัพย์ใหม่คือ เฟส 2 ลดลงเป็น 5 หมื่นล้านบาท และเทียบเท่าเป็นราคาต่อหน่วยที่ 10.40 บาท จากเดิมที่ 11.10 บาท หลังจากเกิดเหตุการณ์ JAS ได้ขายหุ้น JASIF ออกมาจนเป็น 23.51% (แต่ต้องห้ามต่ำกว่า 19% ในช่วง lock up) จึงได้ปรับราคาลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
          ก่อนหน้านี้ นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM กล่าวถึงความคืบหน้าการเพิ่มทุนของ JASIF มูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท ว่า อยู่ในช่วงเวลาตามแผนงาน โดยจะประชุมผู้ถือหน่วยเพื่อเห็นชอบในเดือน ก.ย.นี้ และจะยื่นขออนุญาต (ไฟลิ่ง) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในเดือน ต.ค. 2561 ซึ่งจะทำให้การเพิ่มทุนเสร็จสมบูรณ์ และมูลค่ากองทุนฯ เติบโตใกล้ 100,000 ล้านบาท และคาดว่า JASIF เฟสสองแล้วเสร็จตามแผนสมบูรณ์ภายในไตรมาส 1/2562
          “JASIF เดินตามแผนที่วางไว้ ทำให้เชื่อว่าการเพิ่มทุนวงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นขายหน่วยลงทุน 30,000 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นการกู้จากธนาคารพาณิชย์ 20,000 ล้านบาท จะแล้วเสร็จทุกขั้นตอนภายในต้นปี 2562” นายพีรพงศ์ กล่าว