หลบภัยจังหวะหุ้นไทยดิ่งแรง กูรูแนะพักเงินJASIFรับปันผล

Published on 2018-06-20   By มิติหุ้น

มิติหุ้น บล.บัวหลวง แนะกลยุทธ์ลงทุนในจังหวะดัชนีหุ้นไทยดิ่งแรง เชี่ยร์พักเงินในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ชี้เปา JASIFยังน่าสนใจ ย้ำจุดเด่นปันผลงาม ด้านดีบีเอสชี้หลังซื้อสินทรัพย์เฟส 2 อัตราผลตอบแทนปันผลขยับถึง 10%
          ผู้สื่อข่าว "มิติหุ้น" รายงานว่า วานนี้ (19 มิ.ย.2561) ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดย บล.บัวหลวง ระบุว่าเป็นผลมาจากความกังวลในเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และมองว่าขั้นตอนเจรจาจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำให้พักเงินไว้ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) อย่างกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF)
          ผลตอบแทนเงินปันผลมากกว่า8%
          โดยในส่วนของ JASIF มีความน่าสนในในแง่ของอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ที่ในปัจจุบันอยู่ในระดับมากกว่า 8% ในปี 2561 ซึ่งสูงกว่าอัตราตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยของตลาดในปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ 2.9% ขณะที่การโอนสายใยแก้วนำแสงครั้งใหม่จำนวนไม่เกิน 9.8 แสนคอร์กิโลเมตรในสิ้นปีนี้ ถือเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกiำไรสุทธิปี 2562 ซึ่งจะประเมินใหม่อีกครั้งในช่วงไตรมาส 3/61 หรือไตรมาส 4/61 จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" JASIF ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท
          ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า JASIF จะไม่มีการขยายเวลาอายุสัญญาการเช่าโครงข่ายสiหรับเฟสแรก ยังผลให้อัตราค่าเช่าที่รับประกันไว้ที่ จะสิ้นสุดลง ก.พ.2569 ควรจะมีการปรับลง โดยตามสมมุติฐานแล้ว  ฝ่ายวิเคราะห์ให้ปรับลดเป็น 35% ในการปล่อยเช่าต่อไป จับตาหลังซื้อสินทรัพย์เฟส2ยิลด์พุ่ง
          นอกจากนี้ยังได้มีการทบทวนราคาการรับซื้อสินทรัพย์ใหม่คือ เฟส 2 ลดลงเป็น 50 พันล้านบาท และเทียบเท่าเป็นราคาต่อหน่วยที่ 10.40 บาท จากเดิมที่ 11.10 บาท หลังจากเกิดเหตุการณ์  JAS ได้ขายหุ้น JASIF ออกมาจนเป็น 23.51% (แต่ต้องห้ามต่ำกว่า 19% ในช่วง lock up) ราคาหุ้นขณะนั้น ได้ปรับลงถึง 7% ตอนมีข่าว จึงได้ปรับราคาลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
          ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" JASIF แต่ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลดเป็น 11.00 บาท จากเดิม 11.30 บาท แต่อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในระดับสูงปีนี้และปีหน้าคาดไว้ที่ 8.8% และ 9.1% ตามลiดับ นอกจากนี้ คาดว่าหลังจากซื้อสินทรัพย์เฟส 2 แล้วในอนาคต จะเพิ่มขึ้นได้เป็นระดับ 10% สืบเนื่องจากคาดว่าบริษัทมีแผนจะใช้เงินกู้ในสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 22% ณ ปลายปี 62 จากปัจจุบันที่เป็น 0% ต้นทุนการเงินจึงต่ำลง