10 อันดับ หุ้นไทย กำไรดี๊ดี ปี 2560

Published on 2018-03-13   By ทันหุ้น
ผ่านพ้นฤดูประกาศผลประกอบการไปแล้ว เราลองมาดูสรุป ภาพรวมตัวเลขกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2560 ซึ่งรวมถึงไฮไลท์ที่เป็น Top 10 หุ้นที่มีกำไรสุทธิสูงที่สุด ตลอดจนคาดการณ์ ของโบรกเกอร์ถึงทิศทางกำไรในปี 2561 นี้
          ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยผลการดำเนินงานของ บริษัทจดทะเบียนในงวดปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 พบว่ามีผลประกอบการสูงขึ้น ทั้งยอดขายและกำไรสุทธิ (จาก บจ.ในSET จำนวน 566 บริษัท หรือคิดเป็น 97.75% จากทั้งหมด 579 บริษัท)
          ยอดขายรวมอยู่ที่ 11.01 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.72 % ขณะ กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 9.82 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.05% ซึ่งเป็นผล จากการดำเนินงานของ บจ. ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภคที่ ได้รับผลดีตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
          ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มบิ๊กแค็ปอย่างหมวดธนาคาร พบว่ากำไรลดลง เล็กน้อย เนื่องจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น
          ด้านความสามารถด้านการทำกำไรของ บจ. พบว่าค่อนข้าง ทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23.96% ลดลงจาก 24.71% ในปี 2559 และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.92% จาก 8.98%ส่วนโครงสร้างเงินทุนของ บจ. ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราส่วน หนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่1.14 เท่า ลดลงจาก 1.24 เท่า ในช่วงสิ้นปี 2559
          ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุถึงปัจจัยหนุนกำไร นอกจากเป็นเพราะ ราคาน้ำมันแล้ว ยังมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของ บจ. โดยหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดพาณิชย์ หมวดการท่องเที่ยว และสันทนาการ และหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ มีการเติบโตทั้งด้านยอดขายและกำไรสุทธิ รวมถึงมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจากปี 2559 บล.เอเซียพลัส ได้ทำการวิเคราะห์และแยกประมาณการกำไรหุ้น กลุ่มหลัก อาทิ :
          - กลุ่มธนาคารพาณิชย์ นักวิเคราะห์คาดกำไรเติบโต 14% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปี 2560 ที่มีรายการตั้งสำรองฯ สูงกว่าคาดทำให้ฐาน กำไรปี 2560 ต่ำกว่าปกติ ส่วนปี 2561 สถานการณ์ในการดำเนิน ธุรกิจกลับมาเติบโตตามปกติ หนุนกำไรเติบโต นำโดย KBANK  (+24%), TISCO (+23%) , TMB (+21%), KTB (+19%), BBL (+14%) และ KKP (+13%)
          - กลุ่มพลังงาน คาดกำไรสุทธิเติบโต 7% นำโดย PTTEP (+58%), BANPU (+26%)  ส่วนหุ้นปิโตรเลียม-โรงกลั่นอื่นๆ คาดเติบโต ไม่มากนัก โดย PTT (+5%), IRPC (+6%), BCP (+5%) ส่วนหุ้น โรงไฟฟ้าเติบโตดี เช่น TPIPP (+123%), CKP (+116%), BPP (+46%), BCPG (+39%)  และ BGRIM (+23%) เป็นต้น
          - ปิโตรเคมี คาดกำไรสุทธิลดลง 2% เป็นเพราะการบันทึกผลบวก จากการที่ราคาสินค้าปรับขึ้นในปี 2560 ทำให้ฐานกำไรปี 2560 สูง กว่าปกติ ส่วนประมาณการปี 2561 ไม่ได้รวม Stock Gain / Loss เข้าไปในประมาณการ โดยหากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติ พบว่า PTTGC เติบโต 8% ส่วน IVL กำไรปกติลดลง เล็กน้อย 5%
          - กลุ่มไอซีที คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 55% จากการคาดการณ์ TRUE และ JAS จะมีการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ เข้ากองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐาน แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว กำไรจากการ ดำเนินงานปกติถือว่าทรงตัว
          - กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดกำไรสุทธิ เติบโต 2.70 เท่า จากปี 2560 เป็นผลมาจากการปรับปรุงต้นทุนรวมถึงการบันทึกรายการค่าใช้จ่าย พิเศษที่เป็นความเสียหายของหลายบริษัทในปี 2560 ทำให้ฐาน กำไรสุทธิต่ำกว่าปกติมาก ขณะที่ปี 2561 ไม่ได้มีรายการพิเศษดังกล่าว
          - กลุ่มค้าปลีก คาดกำไรสุทธิเติบโต 21% ตามภาวะการเติบโตของ การบริโภคในประเทศ หนุนให้ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) กลับ มาฟื้นตัวต่อเนื่อง นำโดย BEAUTY ซึ่งนักวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิ เติบโต 47% ตามด้วย BJC (+46%), COM7 (+29%), HMPRO (+17%), ROBINS (+17%) และ CPALL (+12%)
          - กลุ่มอาหาร คาดกำไรสุทธิเติบโตราว 7% โดย CPF คาดกำไร สุทธิเติบโต 7% จากธุรกิจสุกรในเวียดนามฟื้นตัว, TFG คาด กำไรเติบโต 16% ขณะที่หุ้นร้านอาหาร-เครื่องดื่ม คือ M เติบโต 9%, OISHI 8%, ICHI 11% และ TKN 39%
          - กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ คาดกำไรสุทธิเติบโตราว 6% ซึ่งที่โดดเด่นเช่น SC (+74%), ORI (+69%), LPN (+56%), ANAN (+51%) ขณะที่หุ้นนิคมฯ อย่าง WHA และ AMATA โต 37% และ 11%ตามลำดับ
          - กลุ่มเช่าซื้อ-ลิสซิ่ง นำโดย MTLS และ SAWAD เติบโต 37% และ 33% ตามลำดับ
          - กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม นำโดย ERW และ CENTEL เติบโต 88% และ 11% ตามลำดับ