โบรกฯอัพเกรดเชียร์ซื้อหุ้นJAS เชื่อพิชญ์ไม่ปล่อยหุ้นต่ำ7.20บาท

Published on 2017-12-04   By ข่าวหุ้น

โบรกฯ อัพเกรด “ซื้อ” JAS ชี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ปล่อยให้ราคาหุ้นต่ำกว่า 7.20 บาท ป้องกันเกิดมาร์จิ้นคอล พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 7.45 บาท
          นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" หุ้นบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS จากเดิมแนะนำ "ถือ"  แต่ปรับลดราคาเป้าหมายตามวิธี SOP เป็น 7.45 บาท จากเดิม 7.55 บาท
          โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดนายพิชญ์ โพธารามิก ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JAS ต้องการเงินปันผลจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้แบงก์ที่ไปขอมาทำเทนเดอร์หุ้น JAS ในช่วงปี 2559 และผู้ถือหุ้นใหญ่น่าจะไม่ต้องการให้ราคาหุ้นต่ำกว่า 7.20 บาทนานนัก เพราะอาจทำให้เกิด margin call
          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นลง 7-34% ในช่วงปี 2560-2562 เพื่อสะท้อนการแข่งขันและงบลงทุนสูงขึ้น ส่วน Downside risk ต่อคำแนะนำ "ซื้อ" ได้แก่ 1.สงครามราคา 2.การที่บริษัทเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่
          ขณะที่การสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา นายพิชญ์ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ JAS ได้เคยประกาศทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์หุ้นสามัญในราคา 7.25 บาทต่อหุ้น และหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3 หรือ JAS-W3 ในราคา 3.68 บาทต่อหน่วย
          นอกจากนี้ ยังมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เป็นผู้จัดเตรียมคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินสำหรับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งในช่วงทำเทนเดอร์ฯนายพิชญ์ยังได้เข้าเก็บหุ้น JAS โดยตรงอีกจำนวน 1,746,299,400 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 7.25 บาท และยังเก็บ JAS-W3 อีกจำนวน 649,996,600 หุ้น ในราคาหุ้นละ 3.68 บาท
          โดยหลังจากผ่านการทำเทนเดอร์ฯทั้งหมด ทางนายพิชญ์ได้หุ้นจากการทำเทนเดอร์ฯจำนวน  324,900,182 หุ้น ส่งผลให้มีหุ้น JAS ในมือรวมทั้งสิ้น 4,295,246,452 หุ้น ส่วน JAS-W3 ได้เทนเดอร์ฯมาอีก 315,308,114 หน่วย ส่งผลให้ถือรวมเพิ่มเป็น 1,983,295,757 หน่วย
          ขณะที่โครงสร้างผู้ถือหุ้น JAS ล่าสุดที่แจ้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ระบุว่า ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 27 พ.ย. 2560  ทางนายพิชญ์ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ได้ถือครองหุ้นรวม 4,295,246,452 หุ้น หรือคิดเป็น 64.39% อันดับสอง RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED ถือหุ้น 216,097,371 หุ้น หรือคิดเป็น 3.24% อันดับสามบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 196,000,053 หุ้น หรือคิดเป็น 2.94%