JASIFปันผลเหนือDIF ผลตอบแทนพุ่ง10.9%

Published on 2017-09-29   By ข่าวหุ้น

โบรกฯ เพิ่มน้ำหนักลงทุน JASIF และ DIF หลังเดินหน้าซื้อสินทรัพย์รอบใหม่ มอง JASIF ดีกว่า เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากปันผลสูง 9.5-10.9% ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 61-63 ขณะที่ DIF ผลตอบแทน 8.4% ปรับราคาเป้าหมาย JASIF เพิ่มเป็น 12.5 บาท
          บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)  เพิ่มน้ำหนักลงทุน   ทั้ง DIF และ JASIF  หลังจากเดินหน้าแผนซื้อสินทรัพย์รอบใหม่  คาดว่าผู้ถือหน่วยลงทุนของทั้งสองกองทุนฯ น่าจะอนุมัติดีลเพราะจะทำให้ได้ผลตอบแทนเพิ่ม หลังดีลนี้ DIF จะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 8.4% ในปี 61-63 จากเดิม 7%
          ส่วน JASIF จะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 9.5-10.9% ในปี 61-63 จากเดิม 8.5%  อย่างไรก็ตามยังชอบ JASIF มากกว่า DIF เพราะ JASIF มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจมากกว่า
          ด้านบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ปรับเป้าราคา JASIF เป็น 12.5 บาท จาก 11.9 บาท เนื่องจาก JAS มีเป้าหมายที่จะขายสินทรัพย์เข้า JASIF เพิ่มเติม โดยสินทรัพย์ปัจจุบันของ JASIF คือเคเบิลใยแก้วนำแสง 980,000 คอร์กิโลเมตร (OFC) ซึ่งบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) (JAS ถือหุ้นอยู่ 99%) ขายเข้า JASIF ในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 และในเดือนเมษายนปีนี้ ผู้ถือหุ้นของ JAS มีมติให้ขาย OFC 980,000 กิโลเมตร (มูลค่าตามบัญชีรวมของสินทรัพย์เท่ากับ 4.1 พันล้านบาท) เข้า JASIF อีก ซึ่งปัจจุบันธุรกรรมนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
          JAS คาดว่าดีลนี้จะแล้วเสร็จในต้นปีหน้า JAS มีแผนที่จะเช่ากลับสินทรัพย์ดังกล่าวและยังคงดำเนินธุรกิจบรอดแบนด์ที่มีอยู่เช่นเดิม JAS ระบุว่าจะใช้เงินที่ได้จากการลงทุนใน JASIF เร่งลงทุนใน Fiber-To-The-Home (FTTH) เพิ่มเติมไปอีก, ชำระหนี้คืน และจ่ายปันผลพิเศษ
          พร้อมทั้งปรับเป้าราคา DIF เพิ่มขึ้นเป็น 16.7 บาท จาก 16.3 บาท แนะนำ "ซื้อ"  เนื่องจากปรับมาใช้ประมาณการปี 2018 เป็นปีฐาน ราคาเป้าหมายของ DIF จึงเพิ่มขึ้น 2% เป็น 16.7 บาท ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชะลอออกไป DIF จึงยังคงน่าสนใจ ด้วยให้ dividend yield 7% นอกจากนี้ TRUE ยังมีแผนที่จะขายเสาโทรคมนาคมและใยแก้วนำแสงเข้ากองฯ เพิ่มเติมอีกด้วย
          กำไรปกติครึ่งปีแรกของ DIF ออกมาตามที่คาด และด้วยเริ่มเห็นรายได้ค่าเช่าจาก DTAC และ DIF มีดีลให้เช่าเสาโทรคมนาคมเพิ่มเติมในอนาคต กำไรของ DIF จึงน่าจะเติบโตแข็งแกร่ง 3-5% แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้นก็ตาม และด้วยเราปรับมาใช้ประมาณการปี 2018 เป็นปีฐาน
          บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ กองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF กองทุนโครงสร้างพื้นฐานมีแผนจะอัดฉีด 2 สินทรัพย์ใหม่เข้ามาปลายปีนี้ ถึงต้นปีหน้า เราคาดว่าการซื้อสินทรัพย์เข้ามาเพิ่มครั้งแรกจะช่วยเพิ่มเงินปันผลต่อหุ้นได้ 0.03 บาท ในงวดปี 2561 เป็น 1.07 บาท จากเดิม 1.04 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผล 7.5% มาจากแผนการใช้เงินลงทุนที่ไม่เกิน 14 พันล้านบาท และใช้เงินกู้ทั้งหมด หากมีสมมุติฐานว่าราคาที่ซื้อเป็น 11.3 พันล้านบาท และอัตราดอกเบี้ยที่ 5.46% คาดว่าจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้ 3% เป็น 6.2 พันล้านบาท  ด้านราคาพื้นฐานปรับเพิ่มได้เป็น 16.50 บาท
          ส่วนการซื้อสินทรัพย์เพิ่มครั้งที่สองจะมีการใช้เงินลงทุนจากแหล่งเงินกู้และส่วนทุน ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 58 พันล้านบาท หากมีสมมุติฐานว่าใช้เงินกู้เป็น 12  พันล้านบาท และใช้ส่วนทุน 46 พันล้านบาท และจำนวนหน่วนที่เพิ่มเป็น 3,511 หน่วย คาดว่าจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อรวมการซื้อสินทรัพย์เพิ่มครั้งแรกด้วยได้เป็น 8.2 พันล้านบาท  และเงินปันผลเพิ่มเป็น 1.08-1.12 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผล 7.6-7.8%