JASIFกำไรQ1พุ่ง175% ลุ้นจ่ายเงินปันผลนิวไฮ

Published on 2017-05-05   By ข่าวหุ้น

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน กำไรไตรมาส 1 กระฉูด 3.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 175% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.6203 บาท จากรายได้ค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงที่เพิ่มขึ้น พร้อมลุ้น JASIF จ่ายปันผลงวดนี้ทำสถิติสูงสุด
          นายวินัย หิรัณย์ภิญโญภาศ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF แจ้งผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,411 ล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้นที่ 0.6203 บาท เพิ่มขึ้น 175.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 1,239 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นที่ 0.2255 บาท
          ขณะที่รายได้รวมไตรมาสที่ 1 เท่ากับ 1,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาสก่อน
          มูลสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 เท่ากับ 58,889 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.7071 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ รายได้รวม ไตรมาสที่ 1 ปี 2560 เท่ากับ 1,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาสก่อน โดยมาจากรายได้ค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 1,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.0% จากไตรมาสก่อน และจากดอกเบี้ยรับ 7.09 ล้านบาท ลดลง 9.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาสก่อน
          ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับไตรมาสที่ 1 เท่ากับ 84.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4.8% จากไตรมาสก่อน โดยเป็นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน 19.34 ล้านบาท ลดลง 3.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 2.5% จากไตรมาสก่อน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4.3% จากไตรมาสก่อน (ประกอบกับค่าบริหารดูแลและบำรุงรักษาทรัพย์สิน 52 ล้านบาท ค่าสิทธิแห่งทาง 6.64 ล้านบาท และค่าประกันภัย 1.37 ล้านบาท) ดอกเบี้ยจ่าย 0.0 ล้านบาท ลดลง 100% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 4.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและลดลง 17.7% จากไตรมาสก่อน
          รายได้จาการลงทุนสุทธิ สำหรับไตรมาสที่ 1 เท่ากับ 1,366 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อน กำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน 0.0 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน 2,044 ล้านบาท (ในเดือนมีนาคม 2560 กองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระประเมินมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงให้เป็นมูลค่ายุติธรรมใหม่ซึ่งเป็นมูลค่า 57,996 ล้านบาท จึงรับรู้กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการประเมินมูลค่าเงินลงทุนดังกล่าวจำนวน 2,044 ล้านบาท) การเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน เท่ากับ 3,411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 10.7.6% จากไตรมาสก่อน
          สินทรัพย์รวมของกองทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 มีจำนวน 59,778 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเงินลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 57,996 ล้านบาท เงินลงทุนในหลักทรัพย์และเงินฝากธนาคาร 1,771 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น 10.60 ล้านบาท หนี้สินรวมมีจำนวน 888 ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 เท่ากับ 58,889 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.7071 บาทต่อหน่วย
          ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงที่กองทุนได้รับจากการส่งมอบ ณ ปัจจุบัน กองทุนมีทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทั้งสิ้น 980,500 คอร์กิโลเมตร แบ่งออกเป็นทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงในปัจจุบันรับมอบวันทำการซื้อขายทรัพย์สินเสร็จสิ้นเท่ากับ 800,500 คอร์กิโลเมตร และทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงในอนาคตที่ทยอยรับมอบเท่ากับ 180,000 คอร์กิโลเมตร
          อัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงสำหรับปี 2560 อัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงตามสัญญาเช่าหลักเท่ากับ 425.81 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อเดือน อัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงตามสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าเท่ากับ 751.43 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อเดือน (อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคปี 2559 ที่ประกอบโดยกระทรวงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 0.19% ดังนั้นอัตราค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงสำหรับปี 2560 จึงเพิ่มขึ้นเท่ากับ 0.19%) อัตราค่าบริหารดูแลและบำรุงรักษาทรัพย์สินสำหรับปี 2560 เท่ากับ 212.18 บาทคอร์กิโลเมตรต่อปี
          ขณะที่ JASIF จ่ายเงินปันผลงวดล่าสุดจ่ายที่ 0.23 บาทต่อหน่วย ดิวิเดนด์ยีลด์เฉลี่ย 4 ไตรมาสอยู่ที่ 8% และไตรมาสที่ 1 ของปี 2560 คาดว่าจะจ่ายเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดหรือนิวไฮ ราคาปิดวานนี้อยู่ที่ 11.40 บาทต่อหน่วย