"จัสมิน"นิวไฮหนุนมูลค่าหุ้นซื้อคืนโป่ง

Published on 2016-09-19   By กรุงเทพธุรกิจ
ในเดือนก.ย.2559 หุ้นบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) JAS เริ่มกลับมาอยู่ในความสนใจอย่างคึกคัก หลังจากการประเด็นการเบี้ยวจ่ายค่าไลเซ่นส์ 4 จีจบลงด้วยการถูกปรับเท่านั้น โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ18 เดือนที่ราคา 6.75 บาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นติดอันดับ 1ใน10สูงสุดของตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง การที่หุ้นจัสมินปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีแรงเก็งกำไรหนาแน่น เพราะมีปัจจัยสนับสนุนหลายเรื่อง และไม่มีข้อพิสูจน์ชัดว่า ปัจจัยหนุนที่มีการคาดการณ์กันตอนนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ ทั้งเรื่องการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต( JASIF) เพิ่มขึ้น รวมถึงอาจมีจ่ายปันผลระหว่างกาล  อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้ถูกแรงซื้อเก็งกำไร ดักหน้าไปสูงพอสมควรแล้ว
          แต่ข้อสังเกตที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ การที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในครั้งนี้ บริษัทจัสมินฯก็จะได้รับประโยชน์เต็มๆเช่นกัน เพราะมูลค่าของหุ้นที่ซื้อคืนจาก  ผู้ถือหุ้นทั่วไปนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย ที่ผ่านมา บริษัทจัสมินฯประกาศรับซื้อหุ้นเดือนมิ.ย.2559 โดยการตั้งโต๊ะรับซื้อจากผู้ถือหุ้นทั่วไประหว่างวันที่ 1-10 มิ.ย.2559 ในราคารับซื้อคือหุ้นละ 5 บาท จำนวน 1,200 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 6 พันล้านบาท และเมื่อราคาหุ้น ปัจจุบันปรับขึ้นมายืนที่ 6.65 บาท จะทำให้มูลค่าหุ้น ที่ซื้อคืนไปเพิ่มขึ้นเป็น 7,980ล้านบาท คิดเป็น 31% ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง3เดือน
          ย้อนพิจารณาราคาหุ้น ช่วงที่มีการรับซื้อหุ้นคืน ราคาหุ้นในตลาดจะต่ำกว่าราคารับซื้อหุ้นคืน โดยราคาสูงสุดที่ 4.76 บาท และราคาต่ำสุดที่ 4.60 บาท ราคาเฉลี่ยที่ 4.68 บาท แต่หลังจากปิดโครงการซื้อหุ้นคืนแล้ว ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 16ก.ย.59พบว่าราคาขยับขึ้นไปแตะเกือบ 2 ปี บล.ทิสโก้ให้ความเห็นว่าได้แนะนำให้ เพียงถือหุ้นจัสมิน เนื่องจากมีความเสี่ยง ทางกฎหมายลดลง และได้นำผลกระทบจากการตั้งสำรองด้านกฎหมายออก 1.4 บาท ต่อหุ้น หลังภาครัฐลงโทษกรณีการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ในอัตราขั้นต่ำ บล.คันทรี่ ประเมินว่าหุ้นจัสมินที่รับซื้อคืน ฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทจะตัดหุ้นเพื่อลดทุน ซึ่งจะทำให้จำนวนหุ้นที่จะนำมาคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นปรับลดลงจาก 7,133 ล้านหุ้น เหลือ 5,934 ล้านหุ้น และทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 3ปีนี้ จะเพิ่มขึ้นได้20% ขณะที่วอร์แรนท์จัสมิน ชุดที่ 3(JAS-W3) ที่คงเหลือ 3,287 ล้านหน่วย  มีโอกาสที่จะถูกแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในท้ายที่สุด ดังนั้น จำนวนหุ้นที่นำมาคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้น
          จึงคาดว่าจะอยู่ที่ 9,292 ล้านหุ้น   ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรปกติอยู่ที่ 1.62 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 50% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2559 ที่ทำไว้ 3.23 พันล้านบาท แต่เนื่องจากคาดว่ากำไรครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตดีขึ้นกว่าตามปริมาณลูกค้าใหม่ที่ยังมีแนวโน้มเติบโต ภายใต้สมมติฐานลูกค้าใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8 หมื่นรายต่อไตรมาส ขณะที่คาดเงินปันผลจ่ายทั้งปี 2559 อยู่ที่ 0.40 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ไตรมาสแรกจ่ายเงินปันผล0.15 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการจ่ายจาก กำไรสะสม เนื่องจากกำไรไตรมาส 1/2559 ค่อนข้างต่ำจากการรับรู้ค่าปรับผิดนัดชำระค่าคลื่น 900เมกะเฮิรตซ์