''JAS'' สตอรี่เด่นอนาคตไกล กูรูเคาะราคาเก็งกำไร 6.60 บาท 

Published on 2016-09-15   By ทันหุ้น

   ทันหุ้น - JAS แกร่งเกินพื้นฐาน สตอรี่หนุนอนาคตไกล ทั้งลดทุน-แปลงสภาพวอร์แรนต์-ขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่ม แถมมีโอกาสจ่ายปันผลมากกว่าปีก่อน หลังตุนกระแสเงินสดในมือเพียบ ด้านผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดีเหตุไม่ต้องจ่ายไลเซนส์ 4G ขณะที่ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โบรกชี้พิกัดเก็งกำไรเป้าหมาย 6.60 บาท

          นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเมินจากกำไรปกติในครึ่งปีแรกของ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS คิดเป็นสัดส่วน 50% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2559 แต่คาดว่ากำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าตามปริมาณลูกค้าใหม่ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ภายใต้สมมติฐานลูกค้าใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8 หมื่นรายต่อไตรมาส จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2559 ขึ้นจากเดิมเล็กน้อยราว 9% มาอยู่ที่ 3.52 พันล้านบาท

          พร้อมคาดเงินปันผลจ่ายทั้งปี 2559 อยู่ที่ 0.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งประเมินที่ระดับ Dividend Payout 70% ทำให้ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2559 ยังอยู่ที่ระดับสูง ทั้งนี้ในไตรมาสแรกบริษัทได้จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 0.15 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการจ่ายจากกำไรสะสม มีการรับรู้ค่าปรับผิดนัดชำระค่าคลื่น 900MHz

          สตอรี่หนุนอนาคต

          สำหรับหุ้นที่ทางบริษัทได้ประกาศรับซื้อคืนในวงเงิน 6 พันล้านบาท ภายใต้ราคารับซื้อคืนที่ 5 บาทต่อหุ้น จำนวน 1,200 ล้านหุ้น ไปเมื่อ 13 มิถุนายน 2559 คาดว่าท้ายที่สุดบริษัทจะดำเนินการตัดหุ้นดังกล่าวเพื่อลดทุน ซึ่งจะทำให้จำนวนหุ้นที่จะนำมาคำนวณ EPS (ก่อน Dilution) ปรับลดลงจาก 7,133 ล้านหุ้น เหลือ 5,934 ล้านหุ้น และทำให้ EPS ตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 3/2559 เพิ่มขึ้นจากเดิมราว 20%

          ขณะที่ JAS-W3 ที่คงเหลืออีก 3,287 ล้านหน่วย พบว่ามีอัตราการแปลงสภาพอยู่ที่ 1: 1.101, ราคาใช้สิทธิ์ 3.904 บาทต่อหุ้น และมีอายุคงเหลืออีกราว 3 ปี 8 เดือน (มี.ค.58-มี.ค.63) มีโอกาสที่จะถูกแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในท้ายที่สุด ดังนั้นจำนวนหุ้นที่นำมาคำนวณ EPS (หลัง Dilution) จึงคาดว่าจะอยู่ที่ 9,292 ล้านหุ้น

          จึงประเมินมูลค่าเหมาะสมของ JAS ด้วยวิธีคำนวณ NAV ซึ่งปัจจุบันพบว่าตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในกองทุน JASIF อีกทั้งสภาพคล่องที่สูง ทำให้นักลงทุนยอมรับอัตราผลตอบแทน (Require Rate Of Return) ที่ลดลงในครั้งนี้จึงปรับเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนใน JASIF ซึ่ง JAS ถืออยู่ 33.33% ขึ้นจากเดิม 30% เป็น 2.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่า 4.33 บาทต่อหุ้น JAS ทั้งหมด 5,934 ล้านหุ้น ส่งผลให้มูลค่าเหมาะสมของ JAS ถูกปรับเพิ่มขึ้นจาก 5 บาทต่อหุ้น เป็น 6.60 บาทต่อหุ้น เพื่อสะท้อนมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจาก JASIF ภายหลังจากปรับ Require Rate Of Return ลงจาก 8% เหลือ 6.5%

          จ่ายปันผลสม่ำเสมอ

          ทั้งนี้เราประเมินกำไรปกติปี 2559 อยู่ที่ 3,521 ล้านบาท (คิดเป็น EPS ก่อน Dilution ที่ 0.55 บาทต่อหุ้น) ดังนั้นปัจจุบันหุ้น JAS ที่ราคา 6 บาท จึงซื้อขายที่ระดับ PER 10.8 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2559 ราว 6.7% ต่อปี ดังนั้นแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัว เนื่องจากราคาหุ้นมี Upside Gain เหลือเพียง 10% จากราคาเหมาะสม

          ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ปรับตัวขึ้นด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน เนื่องจากทิศทางกำไรมีภาพของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

          ทั้งนี้หากมองกลุ่ม ICT จะเห็นทิศทางกำไรของ JAS เติบโตสูงสุดในกลุ่ม เนื่องจากรายอื่นต้องโดนค่าใช้จ่ายจากการประมูลไลเซนส์ 4G ดังนั้นฐานกำไรของ JAS ใน 1-2 ไตรมาสน่าจะออกมาดี รวมไปถึงมีความคาดหวังเงินปันผลที่มากขึ้นหลังจาก JAS มีกระแสเงินสดมาก ทั้งนี้ในเชิงพื้นฐานได้ให้ราคาเป้าหมายของ JAS ไว้ที่ 6.10 บาทต่อหุ้น จึงแนะ "เก็งกำไร"