2 กองทุนโครงสร้างพื้นฐานน่าสอย

Published on 2016-09-09   By ข่าวหุ้น
  การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ อาจต้องระมัดระวังพอสมควร เพราะยังมี momentum ที่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อันเป็นผลจากความกังวลปัจจัยในประเทศ ขณะที่ปัจจัยนอกประเทศ จากสถิติที่ผ่านมาก็มักจะเห็นแรงขายในเดือน ก.ย.-ต.ค.ล็อกกำไรของนักลงทุนก่อนปิดไตรมาส 3
          ประกอบกับ SET ทิ้งตัวลงตอบรับสัญญาณขายที่เกิดขึ้นจากทรงของกราฟที่เตือนความผันผวนไปก่อนหน้านี้ การทิ้งตัวแรงและเร็วอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเข้าสู่แนวรับ 1,450 จุดอีกครั้ง และถือว่ายังเป็นแนวรับที่ยังไม่ปลอดภัย เพราะดูจากสัญญาณทางเทคนิคยังเป็นขาลงที่ยังไม่สุด และช่วงสั้นยังไร้สัญญาณซื้อ พร้อมกับอาจเจอแรงเทขายออกมาอย่างหนักต่อเนื่อง
          สิ่งนี้อาจทำให้นักลงทุนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเข้าไปซื้อหุ้น เพราะโอกาสที่หุ้นลงมี เพราะยังไม่นิ่ง ประกอบกับรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้น ให้ดัชนีเด้งกลับอย่างรวดเร็ว
          ทำให้นักลงทุนขาดตัวเลือกที่จะลงทุนไป ทั้งนี้จึงมีตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจ อย่างกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมี 2 ตัว อย่าง กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF และ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ซึ่งเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ปันผลสูง รองรับยามตลาดผันผวน
          สำหรับ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF รายได้มีความมั่นคงมากด้วยเงื่อนไขคือ Triple T Broadband (TTB) ได้ทำสัญญาเช่า 100% จนถึง 22 ก.พ.69 และอัตราการจ่ายปันผล (payout ratio) ที่ 90% ยังเหลืออายุตามสัญญาเช่าได้อีกประมาณ 10 ปี เราคาดว่าอัตราการเติบโตกำไรจากการลงทุนปีนี้และปีหน้าอยู่ในระดับที่ดีเป็น 25% และ 6% ตามลำดับ เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน
          การโอนย้ายเครือข่ายใหม่ (new fiber) เป็นไปตามแผน คือจะได้รับเพิ่ม 180,000 คอร์ กม.ภายใน 2 ปี ณ สิ้น มิ.ย.59 ได้รับไปแล้ว 127,500 คอร์ กม. นั่นคือ รายได้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 2-3% เทียบจากไตรมาสก่อน จนกระทั่งถึงไตรมาส 1 ปี60 ที่การส่งมอบจะแล้วเสร็จ นั่นคือ ม.ค.60
          ด้านคำแนะนำของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยังแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 12.20 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ราคาปิดขณะนี้มีส่วนเพิ่มเทียบกับราคาพื้นฐานได้อีกประมาณ 6% ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลยังอยู่ในระดับสูงเป็น 8.4% และ 8.6% ในงวดปี 60 และ 61 ตามลำดับ ถือว่า JASIF เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่ดี ในยามที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูง เพราะแหล่งที่มาของรายได้ค่าเช่ามีความมั่นคง และเงินปันผลที่สูงเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ราคาหุ้นปรับลงไปมากๆ
          ขณะที่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF มีโอกาสเติบโตและจ่ายปันผลสูง โดยบริษัทมีแหล่งที่มาของรายได้และกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีสัญญาเช่าระยะยาวจาก TRUE และบริษัทในกลุ่ม อีกทั้งนโยบายการจ่ายเงินปันผลขั้นต่ำ 90% จึงมีผลดีทำให้การจ่ายเงินปันผลมีความสม่ำเสมอและอยู่ในเกณฑ์สูง
          TRUE ยังมีข้อโต้แย้งกับทีโอที ในเรื่องเสาโทรคมนาคมจำนวน 7,500 ต้น หากในที่สุดข้อโต้แย้งยุติลง และเป็นบวกกับ TRUE ก็คาดว่าจะขายเพิ่มเติมมาให้ยัง DIF ได้ นอกจากนี้ TRUE กำลังสร้างเสาโทรคมนาคมจำนวน 2,000-3,000 ต้น เพื่อจะขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีแผนที่จะขายเข้ากองของ DIF ส่วนสำหรับสัมปทานโทรศัพท์บ้านของ TRUE กับทีโอทีจะหมดอายุลงในปี 61 ก็จะมีสร้างโครงข่ายใหม่ (imitating network) ซึ่งจะให้บริการได้ต่อเนื่อง และมีแผนที่จะขายเข้ากองของ DIF เช่นกัน
          ด้านคำแนะนำของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยังแนะนำ “ซื้อ” คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรจากการลงทุนปี 59 ที่ดีเป็น 8% และปี 60 ที่ดีเป็น10% ตามลำดับ และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 59 ที่ 6.6% และปี 60 ที่ 7.1% ตามลำดับ
          สำหรับราคาพื้นฐานเป็น 15.30 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF (WACC ที่ 8.5% TG ที่ 2%) ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 4% รวมอัตราผลตอบแทนทั้งหมดปี 60 เป็น 11.1%
          นี่เป็นเพียงตัวเลือกของการลงทุนในยามสถานการณ์ตลาดหุ้นคับขัน ซึ่งการหลบภัยก็ต้องเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูง โดยเฉพาะในเรื่องของเงินปันผลตอบแทน!