เปิดโผ10หุ้นเด้งเร็ว พื้นฐานดีกำไรแกร่ง IVL-JAS-BEM-IRPC-TRUE-PTG-CK นำทัพ

Published on 2016-06-27   By ข่าวหุ้น
 พื้นฐานดีกำไรแกร่ง
          :IVL-JAS-BEM-IRPC-TRUE-PTG-CK นำทัพ
          เปิดรายชื่อ 10 หุ้นเด้งเร็ว “IVL-JAS-BEM-IRPC-TRUE-WHA-PTG-CK-TACC-FSMART” พื้นฐานโดดเด่น การันตีกำไรปีนี้แข็งแกร่ง แถมราคาหุ้นมีอัพไซด์ทุกตัว
          จากการสำรวจกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มทำราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นได้รวดเร็ว หลังจากปรับตัวลงแรงตามภาวะตลาดหุ้นไทยในวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเป็นกลุ่มบริษัทที่มีพื้นฐานแกร่ง มีปัจจัยบวกสนับสนุนหุ้นและมีสภาพคล่องซื้อขายดี มีอยู่ทั้งหมด 10 บริษัท แบ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 8 บริษัท และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) อีกจำนวน 2 บริษัท
          สำหรับกลุ่มหุ้นใน SET ที่มีโอกาสฟื้นตัวเร็ว ได้แก่ 1.บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL  นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น IVL ให้ราคาเป้าหมาย 40 บาท โดยกำลังการผลิต High-value-added (HVA) จะช่วยหนุนมาร์จิ้นและกำไรสุทธิ ทั้งนี้ ราคาหุ้นวันที่ 24 มิ.ย. 59 ปิดการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 30 บาท เท่ากับมีอัพไซด์จำนวน 33% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย 40 บาท
          2.บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ล่าสุดได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จำนวน 0.15 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อไม่มีสิทธิได้ปันผล) ภายในช่วงวันที่ 4 ก.ค.นี้ ส่วนราคาหุ้นล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 5.40 บาท เท่ากับมีอัพไซด์ 7% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กำหนดไว้ 5.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”
          3.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น BEM ไว้ที่ 7.60 บาท และให้คำแนะนำ “ซื้อ” ซึ่งการเปิดเดินรถสายสีม่วงเหนือมีแนวโน้มประสบความสำเร็จสูง
          โดยพฤติกรรมจากการเดินทางของประชากรในพื้นที่ และแนวโน้มการเติบโตของประชากรที่สูงกว่าในกรุงเทพฯ ดังนั้น ประโยชน์จาก ridership จะส่งต่อไปยังสายเฉลิมรัชมงคล และช่วยหนุนการเติบโตต่อเนื่องในปี 2559-2560 ทั้งนี้ BEM ทำราคาปิดล่าสุดที่ 6.70 บาท เท่ากับมีอัพไซด์หุ้น 13% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 7.60 บาท
          4.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ได้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น IRPC รวมถึงปรับราคาเป้าหมายเป็นระดับ 5.50 บาท จากเดิมกำหนดไว้ 5 บาท โดยคาดโครงการ UHV ที่จะเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์จะเพิ่มกำไรให้กับ IRPC ประมาณไตรมาสละ 800 ล้านบาท
          ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลังของ IRPC กำไรสุทธิจะยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากโครงการ UHV ที่จะเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ และยังมีแรงหนุนของโครงการ Everest ทั้งนี้ ราคาหุ้น IRPC ล่าสุดปิดที่ 4.68 บาท เท่ากับมีอัพไซด์หุ้น 17% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 5.50 บาท
          5.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ทางนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กำหนดคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TRUE ให้ราคาพื้นฐานหลังเพิ่มทุน 8.90 บาท ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 7 บาท เท่ากับมีอัพไซด์หุ้นรวม 27% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 8.90 บาท
          6.บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น WHA ให้ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท โดยคาดการณ์ปีนี้กำไรโตสูงมากถึง  74% จากปี 2558 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุด WHA อยู่ที่ 3 บาท เท่ากับมีอัพไซด์ 16% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 3.50 บาท
          7.บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้กำหนดราคาเป้าหมาย 21.80 บาท คาดจะมีกำไรในไตรมาส 2/59 แตะระดับสูงสุดใหม่ 312 ล้านบาท โตขึ้น 85% จากปีก่อน จากแรงหนุนค่าการตลาดที่ยังยืนอยู่ในระดับสูง และปริมาณขายที่เติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 705 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 21.40 บาท เท่ากับมีอัพไซด์ 1.8% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 21.80 บาท
          8.บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK  นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CK ให้ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท ซึ่งในงวดปี 2559 ทางบริษัทจะรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างเพิ่มไซยะบุรีอีกถึง 1.9 หมื่นล้านบาท มากกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก โดยจำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท บริษัทอยู่ในระหว่างทบทวนจะรับรู้ภายในไตรมาส 2/59 หรือไม่ ทั้งนี้ ล่าสุดหุ้น CK ปิดที่ 27 บาท เท่ากับมีอัพไซด์หุ้น 24% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 33.50 บาท
          * TACC-FSMART หุ้นเด้ง mai
          ส่วนหุ้นใน mai ที่มีแนวโน้มทำราคาฟื้นตัวได้เร็ว ได้แก่ 1.บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ให้ราคาเป้าหมาย 6 บาท พร้อมกับประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ไว้ที่ 119 ล้านบาท เติบโตขึ้น 75% จากปี 2558 ทั้งนี้ ล่าสุดหุ้น TACC ปิดที่ 5.65 บาท เท่ากับมีอัพไซด์ 6% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 6 บาท
          2.บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ทางนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 17.70 บาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น FSMART ปิดที่ 15.60 บาท เท่ากับมีอัพไซด์ 13% เมื่อเทียบราคาเป้าหมาย 17.70 บาท