"แจส"รับกำไรส่วนต่างซื้อหุ้นคืน หลังปิดดีลราคาหุ้นพุ่งต่อเนื่องเฉียด10%

Published on 2016-06-20   By กรุงเทพธุรกิจ
โบรกคาดกำไรต่อหุ้น จะเพิ่มขึ้น 18%
          หุ้นจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ราคาวิ่งเกือบ 10% หลังโครงการซื้อหุ้นครบกำหนด ขณะโบรกเกอร์ประเมินกำไรปกติต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้น 18% หากมีการตัดหุ้นซื้อคืนทั้งหมด คาดไม่นำหุ้นไป ขายคืนในตลาดหุ้น เมื่อครบกำหนดเดือนธ.ค.นี้
          ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS ภายหลัง จากโครงการซื้อหุ้นคืน จำนวน 1.2 พันล้านหุ้น ราคาหุ้นปรับตัวในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 13 มิ.ย. ปิดการซื้อขายที่ 4.94 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 7.39% วันที่ 14 มิ.ย. ราคาปิดที่ 5.20 บาท เพิ่มขึ้น 5.26% วันที่ 15 มิ.ย. ปิดการซื้อขายที่ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 2.88% วันที่ 16 มิ.ย. ราคาปิดที่ 5.20 บาท ลดลง 2.80% และวันที่ 17 มิ.ย. ราคาปิดการซื้อขายที่ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 2.88%
          หากคำนวณจากราคารับซื้อหุ้นคืน ที่ระดับ 5 บาท และราคาหุ้นสูงสุดภายหลังสิ้นสุดโครงการรับซื้อหุ้นคืนที่ 5.45 บาท พบว่าราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 9%
          โดยเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2559 ในช่วงปิดการซื้อขายช่วงเช้า มีรายงานข่าวจากตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแจ้งการซื้อขาย รายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) หุ้น บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือ JAS จำนวน 1,200 ล้านหุ้น หรือ 16.82% ที่ราคา หุ้นละ 5 บาท ซึ่งเป็นจำนวนและราคาเดียวกับ การโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัท ซึ่งมี บล.บัวหลวงเป็นผู้ดำเนินการ
          ขณะเดียวกัน บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ดำเนินการแจ้งผลโครงการ ซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน โดยการเสนอ ซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1-10 มิ.ย. 2559 ว่าได้ซื้อครบทั้งหมด 1.2 พันล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงิน 6 พันล้านบาท
          นักวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี กล่าวว่า ราคาหุ้น บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ปรับตัวขึ้น 7.4% หลังโครงการซื้อหุ้นคืน ครบกำหนด และประเมินว่าหากมีการตัดหุ้นซื้อคืนทั้งหมด ประมาณการกำไรปกติต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้น 18% ในปี 2560-2561 โดยฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำซื้อ โดยเล็งเห็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นจากการมีส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้บริการเพิ่มและ operating leverage
          ขณะที่ บล.กสิกรไทย ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้นจัสมินฯ เป็นซื้อ เนื่องจากหักเงินชดเชยมูลค่า -1.90 บาท/หุ้น ออกจากการประเมินมูลค่าของจัสมินฯ หลังจากที่ กสทช. มี แนวโน้มจะเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมจากบริษัทอีก 199 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม อย่างมาก ซึ่งจะช่วยลดความกังวลต่อ การอ่อนแอของงบดุลในระยะยาว
          บล.กสิกร คาดว่าบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จะไม่นำหุ้นไปขายคืนในตลาด ในเดือนธ.ค. 2559 แต่จะทำการลดทุน เหมือนกับการซื้อหุ้นคืน 5 ครั้งในช่วง 8 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้จำนวนหุ้นจดทะเบียน ลดลง 17% เป็นจำนวน 5,934 ล้านหุ้น และทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) และเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ในปี 2559-2561 เพิ่มขึ้น จากกรณี ที่ไม่มีการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ประมาณ 17-19% และ 11-18% ตามลำดับ
          นอกจากนี้ กรณีที่มีผู้ถือหุ้นที่ไม่นำหุ้นกว่า 5,000 ล้านหุ้นมาใช้สิทธิ น่าจะสะท้อนว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่คาดว่าราคาหุ้นจัสมินฯ นั้น มีมูลค่ามากกว่า 5 บาท ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวก ต่อราคาหุ้น
          ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 3,957.14 ล้านบาท มีกำไร สุทธิ 84.69 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.01 บาท ขณะที่งวดปี 2558 บริษัทมีรายได้รวม 33,427.14 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 15,710.41 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.23 บาท ส่วนมูลค่าหุ้นทางบัญชี ณ ไตรมาส 1 ปี 2559 อยู่ที่ 2.24 บาท ส่วนปี 2558 (คำนวณ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2558) อยู่ที่ 2.23 บาท
          บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ดำเนินธุรกิจหลัก 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจ ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband  Business) 2. ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม (Telecom Network & Service Provider Business) 3. ธุรกิจงานจัดหา ออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม (System Integration Business) 4. ธุรกิจอื่นๆ (Other Businesses)