JASวิ่งเข้าป้าย5บาท ก่อนประชุม29เม.ย.นี้ ลุ้นหลังซื้อหุ้นคืน 16.82% นำมาลดทุน  “JAS” แรง! ฉุดไม่อยู่ วิ่งเข้าป้าย 5 บาท เก็งกำไรก่อนเปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 29 เม.ย.นี้ เพื่อขออนุมัติซื้อหุ้นคืนหุ้นละ 5 บาท วงการเงินชี้หลังซื้อหุ้นคืน ลุ้นนำหุ้น 1,200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.82% มาลดทุน พร้อมแจงก.ล.ต.กรณีทิ้งไลเซนส์คลื่น 900 MHz ย้ำจ่

Published on 2016-04-21   By ข่าวหุ้น

 “JAS” แรง! ฉุดไม่อยู่ วิ่งเข้าป้าย 5 บาท เก็งกำไรก่อนเปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 29 เม.ย.นี้ เพื่อขออนุมัติซื้อหุ้นคืนหุ้นละ 5 บาท วงการเงินชี้หลังซื้อหุ้นคืน ลุ้นนำหุ้น 1,200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.82% มาลดทุน พร้อมแจงก.ล.ต.กรณีทิ้งไลเซนส์คลื่น 900 MHz ย้ำจ่าย 644 ล้านบาทเท่านั้น

          จากกรณีความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ที่ปรับเพิ่มขึ้นและได้รับแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในขณะนี้ โดยแหล่งข่าววงการเงิน ประเมินว่า แรงซื้อหุ้น JAS ที่มีเข้ามาต่อเนื่องเป็นผลมาจากการเก็งกำไรก่อนถึงกำหนดเปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เม.ย.นี้

          โดยการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ มีวาระขอผู้ถือหุ้นพิจารณาที่สำคัญ คือ การขอผู้ถือหุ้นอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) วงเงิน 6,000 ล้านบาท จำนวน 1,200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.82% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว จากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไปในราคา 5 บาท ดังนั้น ช่วงก่อนการเปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นจึงมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา ส่วนหลังดำเนินการซื้อหุ้นคืนเสร็จแล้ว คงต้องติดตามดูต่อไปว่า JAS จะตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืนเพื่อลดทุนแบบในอดีตหรือไม่

          อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่ JAS ดำเนินการซื้อหุ้นคืนเรียบร้อยแล้วตามกำหนดโครงการ บริษัทจะเลือกใช้วิธีการตัดหุ้นที่ซื้อคืนเพื่อลดทุนมาตลอด นอกจากนี้ ล่าสุดนักวิเคราะห์ยังให้ราคาเป้าหมาย JAS ไว้เกินระดับ 5 บาท จึงนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนทำให้หุ้นมีอัพไซด์

          “แรงซื้อหุ้นที่เข้ามาต่อเนื่อง น่าจะเป็นการเก็งกำไรก่อนเปิดประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 29 เม.ย.นี้ ซึ่งมีวาระขออนุมัติสำคัญคือการซื้อหุ้นคืนในราคา 5 บาท บวกกับราคาในกระดานยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์กำหนดไว้ จึงส่งผลให้ช่วงนี้หุ้น JAS ได้รับแรงซื้อเข้ามาหนาแน่น” แหล่งข่าว กล่าว

          ทั้งนี้ จากการสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้น JAS ล่าสุดวานนี้ (20 เม.ย.) พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดที่ระดับ 4.16 บาท จากนั้นขยับขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 4.38 บาท ทำราคาต่ำสุดของวันที่ 4.14 บาท ปิดตลาดที่ 4.38 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.24 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบราคาปิดก่อนหน้า มีมูลค่าการซื้อขายตลอดวันหนาแน่นรวมทั้งสิ้น 2,349 ล้านบาท

          อีกทั้งล่าสุดราคาหุ้น JAS ยังปิดบวกติดต่อกันไปได้แล้วถึง 5 วันทำการ โดยเริ่มปิดบวกตั้งแต่ช่วงวันที่ 11-12 เม.ย.นี้ และในรอบสัปดาห์นี้ปิดบวกได้ตั้งแต่วันที่ 18-20 เม.ย. 59 เท่ากับภายในช่วง 5 วันทำการ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมาแล้วถึง 19% และล่าสุดวานนี้ราคาปิดที่ 4.38 บาท เท่ากับมีอัพไซด์หุ้นเหลือ 27% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ที่กำหนดไว้ที่ 5.60 บาท

          *JAS แจงก.ล.ต.กรณีทิ้งคลื่น 900

          นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JAS เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) มีหนังสือตามที่อ้างถึง ขอให้ JAS ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลของบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด หรือ แจสโมบาย โดยคณะกรรมการบริษัทได้ประชุมเกี่ยวกับเรื่องการประมูลของแจสโมบาย เพื่อนำเรียนสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งบริษัททำจดหมายแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 ดังนี้

          ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 และที่ประชุมคณะกรรมการมีมติรับทราบว่า  แจสโมบาย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และเป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz มิได้ไปรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา

          โดยเป็นวันครบกำหนดระยะเวลาการขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ตามประกาศสำนักงาน กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 900 MHz ลงวันที่ 18 กันยายน 2558 (ประกาศกสทช.) เนื่องจากในวันที่ 21 มีนาคม 2559 บริษัท แจสโมบาย ไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 72,000 ล้านบาท มามอบให้แก่สำนักงาน กสทช. ได้

          เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศจีน (ซึ่งสนใจร่วมลงทุนในบริษัท แจสโมบาย และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ของประเทศจีน) ติดข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในการขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องของประเทศจีน

          โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนเมษายน 2559 ซึ่งไม่ทันกำหนดระยะเวลา 90 วันตามที่ระบุในประกาศ กสทช.และสำนักงาน กสทช. ไม่สามารถผ่อนปรน หรือผ่อนผันเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาใดๆ ตามที่ระบุไว้ในประกาศ กสทช.ดังกล่าวให้แก่ แจสโมบาย ได้ ทำให้แจสโมบาย ไม่สามารถหาหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 72,000 ล้านบาท มามอบให้แก่สำนักงาน กสทช. ได้ตามกำหนดเวลา

          สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการที่แจสโมบาย มิได้ไปขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ในครั้งนี้ ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทได้ให้ความเห็นว่าแจสโมบาย ต้องถูกริบเงินประกันการประมูล จำนวน 644 ล้านบาท  แจสโมบาย และกลุ่มบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดในค่าเสียหายใดๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ เนื่องจากประกาศ กสทช. ไม่ได้ระบุให้ผู้ชนะการประมูลต้องรับผิดชอบในความเสียหายใดๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากเงินประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาท โดยข้อ 6 วรรคท้ายของประกาศ กสทช. และข้อ 5 วรรค 2 ของแบบ “หนังสือยินยอมของผู้ขอรับใบอนุญาต” แนบท้ายของประกาศกสทช. ระบุไว้แต่เพียงว่า

          ในกรณีที่ผู้ชนะการประมูลไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขก่อนรับใบอนุญาตให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ชนะการประมูลนั้นสละสิทธิที่จะได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ตามประกาศ กสทช. และคณะกรรมการสงวนสิทธิที่จะริบหลักประกันการประมูล

          อีกทั้งเหตุดังกล่าวนี้ ไม่ได้เป็นเหตุเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมอื่นๆ ที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับจากสำนักงาน กสทช. และใช้ประกอบกิจการอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทยังสามารถดำเนินการได้โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น

          นอกจากนี้ จำนวนเงินประกันการประมูลดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานะทางการเงิน เนื่องจากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมของบริษัทแล้ว คิดเป็นเพียง 1.27% เท่านั้น และเงินประกันการประมูลดังกล่าวมาจากทุนชำระแล้วของแจสโมบาย และเงินที่บริษัทให้กู้ยืม ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในปี 2559 รวมจำนวน 644 ล้านบาท