"จัสมิน"ซื้อหุ้นคืนหวังขายพีพีแบงก์กรุงเทพคาดผู้บริหารต้องการคุมอำนาจไว้

Published on 2016-03-11   By กรุงเทพธุรกิจ
 หุ้นพุ่งสวนตลาดหลังเคลียร์ปัญหาผลกระทบบริษัทลูก
          แบงก์กรุงเทพคาดแผนการซื้อหุ้นคืนของ จัสมิน  เพราะต้องการลดจำนวนหุ้นในตลาดลง ขณะที่สัดส่วนการถือครองหุ้นกลุ่มผู้บริหารเพิ่มขึ้นเตรียมดันหุ้นซื้อคืนนำไปขายแบบ พีพีให้กลุ่มพันธมิตร และยังมีอำนาจการบริหารงานต่อไป ด้านแบงก์กสิกรไทยยัน ไม่ได้รับการติดต่อขอกู้  ส่วนราคาหุ้นพุ่งสวนตลาด วอลุ่มติดอันดับ1ต่อเนื่อง เหตุหนึ่ง ในคณะกรรมการ กสทช.ออกโรงแจงผล กระทบไม่ถึงบริษัทลูก ส่วนนักวิเคราะห์ แนะเลี่ยงลงทุนเพราะยังไม่มีความชัดเจน
          การที่บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS ประกาศซื้อหุ้นคืน โดยการตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น จำนวน 1,200-1,426 ล้านหุ้น คิดเป็น 20% ที่ราคาหุ้นละประมาณ 5 บาท มูลค่ารวม 6 พันล้านบาททำให้มีการประเมินว่าบริษัทกำลังหาช่องทางในการหาแหล่งทุนเพื่อนำไปใช้จ่ายไลเซ่นส์ 4 จี
          แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า การซื้อหุ้นคืนของจัสมิน เชื่อว่าเป็นไปเพื่อต้องการลดสัดส่วนหุ้นในตลาดลง และทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มผู้บริหารเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นกลุ่มผู้บริหารอาจใช้วิธีการขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (พีพี)  ออกไปยังกลุ่มทุน อื่นๆ ที่สามารถควบคุมได้  และทำให้อำนาจในการบริหารยังมีอยู่ "การซื้อหุ้นคืนในตลาดหลักทรัพย์ เท่ากับเป็นการซื้อหุ้นจากทุกคน  ทำให้สัดส่วนของผู้บริหารในบริษัทจัสมินสูงขึ้น ท้ายสุด เขาคงจะทำพีพี แต่เป็นในส่วนที่เขาควบคุมได้  พวกนี้ถือเป็นแนวคิดของคนที่ทำงานด้านไอบี (วาณิชธนกิจ)  และคิดว่าสุดท้ายแนวทาง ที่เขาจะใช้ก็คงต้องเพิ่มทุนด้วย" แหล่งข่าวกล่าวว่ากลุ่มจัสมินยังต้องลงทุนอีกมาก  ดังนั้นคนที่จะปล่อยสินเชื่อให้อาจต้องมีเงื่อนไขให้กลุ่มจัสมินต้องเพิ่มทุนในระดับหนึ่งก่อน  เพราะคนที่จะปล่อยกู้ให้ก็ต้องมั่นใจว่าผู้ขอกู้มีเงินทุนเพียงพอในระดับหนึ่ง
          นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารยังไม่ได้รับการติดต่อจาก แจส โมบาย เพื่อออกแบงก์การันตี แต่โดยภาพรวมแล้วธนาคารมองธุรกิจสื่อสารว่ายังมีแนวโน้มที่ดี และผู้ประกอบการยังมีความแข็งแกร่ง
          ขณะที่การผ่อนคลายเกณฑ์ของ กสทช.ให้ธุรกิจทีวีดิจิทัลมีการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นได้ เชื่อว่าจะช่วยสร้างความคล่องตัวให้ธุรกิจและโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ในส่วนของลูกค้าธนาคารยังมีความสามารถประกอบธุรกิจและชำระหนี้ได้ตามปกติ โดยไม่ได้ต้องการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด
          "ลูกค้าเรายังดีอยู่ ธุรกิจนี้ก็น่าจะยังมีแนวโน้มที่ดีตามพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยน ไปมาก หากผู้ประกอบการสามารถสร้าง คอนเทนท์ที่น่าสนใจ มีความแปลกใหม่และมีฐานผู้ชมของตัวเองก็น่าจะไปได้"
          สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจ ในขณะนี้ ต้องการแรงกระตุ้นจากการลงทุนภาครัฐ และการ ท่องเที่ยวขณะที่การส่งออกเติบโตได้ค่อนข้างช้า ในส่วนของธนาคารยังไม่มีการทบทวนตัวเลขจีดีพีที่มองไว้ที่3%ในขณะนี้ โดยจะรอดูตัวเลขไตรมาสแรกอีกครั้งก่อนจะทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจ
          วานนี้ (10 มี.ค.) ราคาหุ้นบริษัทจัสมิน ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สวนภาพรวมตลาดที่ดัชนีปรับลดลง ล่าสุดหุ้นปิดตลาดที่ 3.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท คิดเป็น 2.81% มูลค่าการ ซื้อขายรวม 4.97 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดอันดับ1ของตลาดหุ้นไทย
          นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสวนภาพรวมตลาดน่าจะเกิดจากการที่มีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 1 คนออกมาชี้แจงกรณีหากบริษัท จัสมินไม่สามารถนำเงินมาชำระได้ทัน จะทำให้บริษัทในเครือจะได้รับผลกระทบ ซึ่งคณะ กรรมการกสทช.ได้ยืนยันว่าผลกระทบจะไม่รวมไปถึงบริษัทลูก เพราะดำเนินคนละธุรกิจ และ ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบในวงกว้างขนาดนั้น
          "การยืนยันผลกระทบครั้งนี้ทำให้นักลงทุน คลายความกังวลไปบางส่วน ทำให้มีแรง เก็งกำไรคึกคัก อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยไม่แนะนำให้ลงทุนเพราะยังมีปัจจัยความเสี่ยงที่ไม่ชัดเจนอีกหลายเรื่อง"