JASเล็งจูบปากพันธมิตรต่อยอดบรอดแบนด์

Published on 2015-12-22   By ทันหุ้น

  ทันหุ้น - JAS ยืนยันไม่มีแผนเพิ่มทุนแน่นอนหลัง JASMBB บริษัทลูกชนะประมูลคลื่น 900 MHz ราคาสูงลิ่ว 7.5 หมื่นล้านบาท พร้อมโชว์แหล่งระดมทุนหลายช่องทางเล็งส่ง JASMBB เข้าตลาดหุ้นภายใน 3 ปีข้างหน้า และเตรียมสรุปพันธมิตรต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุน ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ 10% ของตลาดโมบาย บรอดแบนด์ที่มีมูลค่า 3 แสนล้านบาท
          นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า หลังจาก บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด หรือ JASMBB ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ JAS ถือหุ้น 99.997% ชนะการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) จำนวน 1 ใบอนุญาต ด้วยราคา 75,654 ล้านบาท ยืนยันว่าบริษัทมีสภาพคล่องและวิธีการระดมทุนที่เพียงพอโดยจะไม่กระทบต่อผู้ถือหุ้นของ JAS และจะไม่มีการเพิ่มทุนแน่นอน รวมทั้งบริษัทมีแผนนำ JASMBB เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายใน 3 ปี
          แหล่งเงินทุนแข็งแกร่ง
          ขณะที่บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอรองรับการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ทั้งเงินสดที่เหลือจากการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF)ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB อีกกว่า 5 พันล้านบาทต่อปี และจะทยอยเพิ่มขึ้นตามจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
          นอกจากนี้ บริษัทจะได้รับเงินจากการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ครั้งที่ 3 หรือ JAS-W3 อายุ 5 ปี โดยหากมีการใช้สิทธิทั้งหมดบริษัทจะมีเงินจากส่วนนี้อีกประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งยังสามารถทำโปรเจ็กต์ไฟแนนซ์ โดยได้มีการเจรจากับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ไว้แล้ว ประกอบกับบริษัทยังมีกองทุน JASIF มูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถกู้เงินได้ถึง 3 เท่าของมูลค่ากองทุน หรือกว่า 1.5 แสนล้านบาท รวมไปถึงยังสามารถระดมทุนจากการที่บริษัทมีแผนนำ JASMBB เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายใน 3 ปี
          รอสรุปพันธมิตรต่างชาติ
          สำหรับแผนการหาพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมมือทางธุรกิจนั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดกับพันธมิตรต่างประเทศ โดยจะเข้ามาร่วมลงทุนใน JASMBB ในลักษณะของการร่วมเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งการเข้ามาของพันธมิตรจะช่วยสนับสนุนในด้านเงินทุน เทคโนโลยี และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน รวมถึงลูกค้าของบริษัท
          ทั้งนี้การได้คลื่น 900 MHz ถือเป็นก้าวที่สำคัญของกลุ่ม JAS ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีเพียงธุรกิจฟิกซ์บรอดแบนด์ ที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เป็นอันดับ 2 จากมูลค่าตลาด 5 หมื่นล้านบาท โดยการได้คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ครั้งนี้จะนำต่อยอดธุรกิจโมบาย บรอดแบนด์ ซึ่งจะทำให้ได้เห็นการรวมกันระหว่างฟิกซ์บรอดแบนด์ และโมบาย บรอดแบนด์
          โดยธุรกิจโมบาย บรอดแบนด์ จะเริ่มเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งตั้งเป้าหมายมีลูกค้า 2 ล้านราย ภายในปีแรก หรือปี 2559 และภายใน 3 ปี หรือปี 2561 เพิ่มเป็น 5 ล้านราย ซึ่งเพียงพอให้มีกำไรได้ในปีที่ 3 หรือปี 2561 เช่นกัน รวมทั้งตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี มีมาร์เก็ตแชร์ 10% จากมูลค่าตลาดมือถือ 3 แสนล้านบาท และคาดว่าสัดส่วนรายได้รายได้ธุรกิจโมบาย บรอดแบนด์จะมากกว่าธุรกิจฟิกซ์บรอดแบนด์ ภายใน 3 ปี
          กลุ่มสื่อสารแข่งเดือด
          นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลกระทบเบื้องต้นในส่วนของ ADVANC อาจต้องลงทุน Capex เพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้า ขณะที่ DTAC มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการทำธุรกิจหลังปี 2561 เมื่อสัญญาสัมปทานหมดอายุ และจะเหลือเพียงคลื่น 2.1GHz เพียงคลื่นเดียว ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งตลาดรายได้มีโอกาสลดลงสูง หากไม่มีการประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์รอบใหม่หลังปี 2558 แม้ว่า DTAC จะสามารถแข่งขันได้ในช่วงปี 2559-2561 จากคลื่นบนสัญญาสัมปทาน แต่มีต้นทุนสูงกว่าคู่แข่ง
          ADVANC เด่นปันผล
          ในส่วนของ TRUE คาดว่าจะต้องมีการเพิ่มทุนอย่างแน่นอน และต้องเพิ่ม Capex และค่าใช้จ่ายการตลาด ขณะที่การแข่งขันมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น กดดันรายได้ ถึงแม้มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาดรายได้จาก ADVANC และ DTAC ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่ามีแนวโน้มกลับมารายงานขาดทุนในช่วงปี 2559-2561 และไม่สามารถจ่ายเงินปันผล ทางด้าน JAS ฝ่ายวิจัยมองว่าไม่น่ามีมูลค่าเหลือจากการลงทุนในการได้คลื่นมาที่ 7 หมื่นล้านบาท และผลประกอบการมีแนวโน้มขาดทุนทุกปี
          นอกจากนี้ มองว่าการที่ JAS ยอมลงทุนซื้อคลื่นที่ราคาสูงกว่าที่ ADVANC ยอมรับได้ สะท้อนความไม่สมเหตุสมผลของ JAS และน่าจะส่งผลลบต่อกลุ่มสื่อสารโดยรวม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังมองว่า ADVANC เป็นหุ้นที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากคาดว่าจะยังจ่ายเงินปันผลได้ แต่ฝ่ายวิจัยจะมีการปรับลดกำไรสุทธิลง ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นจะลดลงมาเพื่อให้ได้อัตราผลตอบแทนที่ระดับ 5-6%