JASกำไรปีนี้ทะลัก2.1หมื่นล้าน บุ๊คพิเศษ 1.8 หมื่นล้านขายสินทรัพย์เข้า JASIF

Published on 2015-04-22   By ข่าวหุ้น

          บุ๊คพิเศษ 1.8 หมื่นล้านขายสินทรัพย์เข้า JASIF

          "JAS" คาดปี 58 บุ๊คกำไรพิเศษจากขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF ราว 1.8 หมื่นล้านบาท หนุนกำไรสุทธิแตะ 2.1 หมื่นล้านบาท ลูกค้าบรอดแบนด์พุ่ง 1.9 ล้านราย แต่ระยะสั้นออก JAS-W3 กดดันราคาหุ้น โบรกฯแนะเก็งกำไร เป้า 6.40 บาท

          บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด ประเมินว่า บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS จะมีกำไรสุทธิในปี 2558 อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท และในปี 2559 อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท โดยรวมกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF ในปี 2558 ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท และปี 2559 ประมาณ 2.3 พันล้านบาท

          อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปกติในปี 2558 จะชะลอลง 6% จากปีก่อน เหลือ 3.4 พันล้านบาท และในปี 2559 ลดลง 13% จากปีก่อน เหลือ 3 พันล้านบาท แม้รายได้ปีนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน และในปี 2559 เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน ตามฐานลูกค้าลูกค้าบรอดแบนด์แบบประจำที่ที่ขยายตัว ซึ่งคาดปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 ล้านราย และปี 2559 เพิ่มเป็น 2.2 ล้านราย

          ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้จะถูกหักล้างจากต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับโครงข่าย หลังบริษัทมีนโยบายจะขยายบริการเพิ่มจากปัจจุบันที่ให้บริการใน 3.4 พันตำบล เป็น 7.5 พันตำบลในช่วง 2 ปีนี้ และภาระค่าเช่าโครงข่าย 80% จาก JASIF รวมทั้งค่าประกันรายได้สำหรับโครงข่ายที่เหลือ 20% ของ JASIF ซึ่งคาดในปี 2558 จะต้องจ่ายประมาณ 3.9 พันล้านบาท และในปี 2559 เพิ่มเป็น 5.9 พันล้านบาท ขณะที่รายได้ที่จะได้รับจาก JASIF คาดไม่เพียงพอจะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

          ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นในระยะสั้น คือ การที่บริษัทจะออก JAS-W3 จำนวน 3,497.32 ล้านหน่วย อายุ 5 ปี ที่ให้สิทธิสามารถแปลงสภาพเป็นหุ้น JAS ได้ในอัตรา 1: 1 ที่ราคา 4.30 บาท ใช้สิทธิได้ทุกสิ้นไตรมาส ซึ่งคาดจะเริ่มตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/58 แต่ด้วยราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบันมาก คาดจะจูงใจให้มีการใช้สิทธิทั้งหมดในปี 2558 ซึ่งจะส่งผลลบต่อกำไรต่อหุ้น (EPS) ประมาณ 33% จากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจาก 7.2 พันล้านหุ้น เป็น 1.38 หมื่นล้านหุ้น

          นอกจากนี้ JAS ได้เตรียมเข้าประมูลคลื่น 4G เพื่อขยายธุรกิจให้บริการบรอดแบนด์ผ่านมือถือ แต่มองว่าการจะทำธุรกิจ 4G นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะต้องแข่งประมูลกับผู้ประกอบการมือถือทุกรายทั้ง ADVANC, DTAC และ TRUE ที่ต่างต้องการจะถือครองคลื่นไว้ให้มากที่สุด จึงมีโอกาสที่ JAS อาจไม่ชนะการประมูลได้ แต่หาก JAS สามารถชนะประมูลได้ ก็ต้องเช่าโครงข่ายจากผู้ประกอบการรายอื่นใช้ หรือต้องลงทุนเอง ซึ่งจะกดดันกำไรในระยะกลางอย่างน้อย 2-3 ปี อีกทั้งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะชิงส่วนแบ่งฐานลูกค้ามาจากผู้ประกอบการมือถือที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการข้อมูลผ่านมือถือมาก่อน ดังนั้น แนะนำ “เก็งกำไร” มูลค่าเหมาะสมปี 2558 ที่ 6.40 บาท