จัสมินรับเงิน3.7หมื่นล้าน JASIF จ่อเทรด 16 ก.ย.นี้

Published on 2015-02-12   By ข่าวหุ้น

          JASIFจ่อเทรด16ก.พ.นี้

          JAS รับเงินสดเข้ากระเป๋า 3.7 หมื่นล้านบาท หลังขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF เสร็จเรียบร้อย พร้อมเข้าถือหุ้น 33.33% จ่อบันทึกกำไรพิเศษมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ฟาก JASIF ดีเดย์เข้าซื้อขายในตลท. วันที่ 16 ก.พ.นี้

          นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2558 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติให้จดทะเบียนจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเป็นกองทุนรวม โดยมีชื่อว่า "กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน" หรือมีชื่อย่อว่า "JASIF"

          โดยมีจำนวนหน่วยลงทุนที่เสนอขายทั้งหมดจำนวน 5,500 ล้านหน่วย ราคาของหน่วยลงทุนที่เสนอขาย และมูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วยลงทุน คือ 10.00 บาท จำนวนเงินทุนของกองทุนรวม JASIF ที่ได้จากการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกเท่ากับ 55,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวม JASIF จะเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรกในวันที่ 16 ก.พ. 2558

          นอกจากนี้ บริษัทขอรายงานให้ทราบผลสำเร็จของการเข้าทำธุรกรรมกับกองทุนรวม JASIF โดยธุรกรรมการขายสินทรัพย์นั้น บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงประมาณ 980,000 คอร์กิโลเมตร กับกองทุนรวม JASIF เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2558 โดยราคาขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงของ TTTBB ให้แก่กองทุนรวม JASIF เท่ากับ 55,000 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งคิดเป็นเงิน 3,850 ล้านบาท

          และโอนขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง ประมาณ 800,000 คอร์กิโลเมตร ให้แก่กองทุนรวม JASIF เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2558 ส่วนทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง ประมาณ 180,000 คอร์กิโลเมตร ซึ่ง TTTBB จะทยอยโอนให้แก่กองทุนรวม JASIF ภายใน 2 ปี

          ส่วนธุรกรรมการเช่าสินทรัพย์นั้น TTTBB เข้าลงนามในสัญญาเช่าใช้ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง และสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าใช้ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทั้งสิ้นประมาณ 980,000 คอร์กิโลเมตร กับกองทุนรวม JASIF เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2558 โดยสัญญาเช่ามีผลใช้บังคับในวันที่ 11 ก.พ. 2558 ซึ่งเป็นวันที่ TTTBB โอนขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงให้แก่กองทุนรวม JASIF เสร็จสิ้นแล้ว

          สำหรับธุรกรรมการเช่าสินทรัพย์ แบ่งเป็นสัญญาเช่าหลัก โดย TTTBB ตกลงเช่าใช้ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงของกองทุนรวม JASIF จำนวน 80% ของทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทั้งหมดของกองทุนรวม JASIF ในลักษณะการเช่าดำเนินงาน โดยมีระยะเวลาการเช่าประมาณ 11 ปี สิ้นสุดในวันที่ 22 ก.พ. 2569

          และสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกันของ กสทช. กองทุนรวม JASIF สามารถนำทรัพย์สินเส้นใยแก้ว จำนวน 20% ของทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทั้งหมดของกองทุนรวม JASIF ออกให้ผู้อื่นเช่าใช้ได้

          อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังไม่มีผู้ใดสนใจเช่าใช้ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงดังกล่าวจากกองทุนรวม JASIF ทาง TTTBB ตกลงเช่าใช้และชำระค่าตอบแทนการใช้ทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงดังกล่าวตามข้อตกลงของสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า เพื่อเป็นการประกันรายได้ให้แก่กองทุนรวม JASIF ทั้งนี้ สัญญาประกันรายได้ค่าเช่ามีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยกองทุนรวม JASIF มีสิทธิต่ออายุสัญญาได้อีกครั้งละไม่เกิน 3 ปี จนกว่าจะครบกำหนดอายุของสัญญาเช่าหลัก

          ขณะที่ธุรกรรมจองซื้อหน่วยลงทุนนั้น บริษัทเข้าจองซื้อและเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม JASIF จำนวน 1,833.15 ล้านหน่วย ที่ราคา 10.00 บาทต่อหน่วย หรือเท่ากับ 18,331.5 ล้านบาท คิดเป็น 33.33% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของกองทุนรวม JASIF

          นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อย ประกอบด้วย TTTBB และบริษัท ทริปเปิลที อินเทอร์เน็ต จำกัด ยังเข้าทำสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกรรมกองทุนรวม JASIF โดยเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับสัญญาและข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมกองทุนรวม JASIF ตามที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ การเข้าทำธุรกรรมต่างๆ กับกองทุนรวม JASIF ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี และ TTTBB ได้รับเงินค่าขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงจากกองทุนรวม JASIF เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า JAS จะบันทึกกำไรพิเศษ 27,800 ล้านบาท โดยบันทึกปีนี้ 80% และที่เหลืออีก 20% ทยอยบันทึกเมื่อส่งมอบสินทรัพย์ในปี 2559-2560 รวมถึงได้เงินสดเข้ามา 45,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งคาดจะแบ่งไปจ่ายปันผลพิเศษที่เหลือแบ่งใช้ 3 ส่วน คือ 1.ลงทุน JASIF 18,300 ล้านบาท 2.คืนเจ้าหนี้ 4,000 ล้านบาท และ 3.ขยายพื้นที่บริการ 10,000 ล้านบาท

          TRUE เปิดบริการใหม่

          เบอร์ไทย-แดนมังกร

          นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า บริษัทสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ กับไชน่าโมบายล์ เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “บริการเบอร์ไทย-แดนมังกร” ด้วยเทคโนโลยีแบบซิมเดียวหลายเบอร์ของไชน่าโมบายล์ ซึ่งถือเป็นการใช้งานบริการโทรข้ามแดนที่สะดวกและคุ้มค่าครั้งแรกในไทย โดยมีราคาใกล้เคียงกับราคาท้องถิ่น เพียง 5 บาท/นาทีเท่านั้น จากปกติต้องจ่ายโรมมิ่ง 33 บาท/นาที นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ True Smart 4G 5.5 Enterprise เพื่อเป็นสมาร์ทโฟนมัลติแบนด์ที่รองรับการใช้งานเครือข่ายได้ทุกช่วงความถี่

          นายสุพจน์ มหพันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจบริการระหว่างประเทศ TRUE กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายมีผู้ใช้บริการ "เบอร์ไทย-แดนมังกร" ปีแรก อยู่ที่ 45,000 ราย จากปัจจุบันกลุ่มทรูมีลูกค้าใช้บริการอินเตอร์เนชั่นแนล โรมมิ่ง ประมาณ 200,000 ราย โดยเฉพาะนักธุรกิจทั้งรายใหญ่และรายเล็กที่ต้องเดินทางไปประเทศจีนและฮ่องกงเป็นประจำ เนื่องจากบริการดังกล่าวมีความสะดวกสบายที่ลูกค้าสามารถใช้ซิมเดียวหลายเบอร์ได้ทั้งไทย จีน ฮ่องกง และค่าโทรราคาถูก

          นายกิตติณัฐ ทีคะวรรณ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ธุรกิจโมบาย และผู้อำนวยการบริหารธุรกิจรีเทล TRUE กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายมือถือปีนี้ไว้ที่ 15-20% จากปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับตลาดที่มีการเปลี่ยนจาก 2G เป็น 3G และ 4G มากขึ้น และราคาเครื่องสมาร์ทโฟนมีการปรับตัวลดลง ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึง

          โดยบริษัทจะเน้นอัพเกรดลูกค้าให้ไปใช้ 4G ด้วยความพร้อมที่บริษัทมีเครือข่าย 4G ครอบคลุม 77 จังหวัด และมีแผนขยายให้ครอบคลุม 80% ของประชากรภายในเดือนเม.ย.นี้ ส่วนสมาร์ทโฟน รุ่น True Smart 4G 5.5 Enterprise ตั้งเป้าหมายมียอดขายไว้ที่ 30,000-50,000 เครื่อง ภายในปีนี้