JAS ปันผลพิเศษ 1.50 บาท กำไรกองทุน2.8 หมื่นล้าน

Published on 2015-01-26   By ทันหุ้น

          กำไรกองทุน2.8หมื่นล้าน

          ผู้ถือหุ้น JAS เตรียมรับเงินปันผลพิเศษ 1-1.50 บาท หลังบันทึกกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้า JASIF กว่า 27,800 ล้านบาท เชื่อสร้างมูลค่าหุ้นเพิ่มอีก 1.40 บาท กำหนดราคาขาย JASIF ระหว่าง 10-10.50 บาท เปิดจอง 28 ม.ค.-3 ก.พ. 58 พร้อมเข้าเทรด 16 ก.พ. 58

          นายวรารัตน์ ชุติมิต กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เปิดเผยว่า JASIF มีมูลค่ากองทุนประมาณ 55,000-57,750 ล้านบาท เสนอขายหน่วยลงทุน  5,500 ล้านหน่วย ช่วงราคาเสนอขายระหว่าง 10-10.50 บาทต่อหน่วย และมีการเสนอขายวันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ. 58 ส่วนราคาเสนอขายสุดท้ายกำหนดโดยวิธีการ Book Building คาดว่าจะมีการกำหนดและประกาศให้ผู้จองซื้อทราบภายในวันที่ 4 ก.พ. 58

          โดยหน่วยลงทุนที่เสนอขาย 5,500 ล้านหน่วย แบ่งขายให้ผู้ลงทุนในประเทศ 3,300 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นประมาณ 60% ของหน่วยลงทุนที่เสนอขาย แบ่งเป็นผู้ลงทุนทั่วไป 806 ล้านหน่วย สถาบัน 660 ล้านหน่วย และบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือ JAS จำนวน 1,833.15 ล้านหน่วย ขณะที่ขายให้นักลงทุนต่างประเทศ 2,200 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นประมาณ 40% ของหน่วยลงทุนที่เสนอขาย

          สำหรับผู้จองซื้อทั่วไปต้องชำระค่าจองซื้อครั้งเดียวเต็มจำนวนที่จองซื้อราคา 10.50 บาทต่อหน่วย ณ วันจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 หน่วย และเพิ่มเป็นจำนวนทวีคูณของ 100 หน่วย โดยหากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า 10.50 บาทต่อหน่วย จะคืนเงินให้ผู้จองซื้อภายใน 14 วัน และประกาศผลการจัดสรรหน่วยลงทุนได้ภายในวันที่ 6 ก.พ.นี้ และสามารถเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 16 ก.พ. 58

          บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ประเมินว่า จากกรณีดังกล่าว JAS จะบันทึกกำไรพิเศษ 27,800 ล้านบาท (บันทึกปีนี้ 80% ที่เหลือ 20% ทยอยบันทึกเมื่อส่งมอบสินทรัพย์ปี 2559-2560) รวมถึงได้เงินสดเข้ามา 45,000 ล้านบาท

          ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด ประเมินว่าผู้ถือหุ้น JAS ได้ประโยชน์ 2 ด้านคือ 1)การขายสินทรัพย์ ทำให้ลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องและได้เงินสดมาใช้ 2)การจดทะเบียน JASIF ทำให้ JAS สามารถจ่ายเงินปันผลพิเศษได้ราว 1-1.50 บาท รวมถึงการขยายเครือข่าย Broadband และทำให้มูลค่าเหมาะสม JAS เพิ่มขึ้นอีก 1.40 บาท

          นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS กล่าวว่า ทรัพย์สินที่กองทุนจะเข้าลงทุนครั้งแรก ได้แก่ กรรมสิทธิ์ในเส้นใยแก้วนำแสง 980,000 คอร์กิโลเมตร ประกอบด้วยเส้นใยแก้วนำแสงจำนวนรวมประมาณไม่น้อยกว่า 800,000 คอร์กิโลเมตร ที่บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB ซึ่งเป็นบริษัทย่อย  JAS ส่งมอบให้ JASIF ณ วันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น และเส้นใยแก้วนำแสงประมาณ 180,000 คอร์กิโลเมตร ที่ TTTBB ทยอยส่งมอบให้ JASIF ภายใน 2 ปี นับจากวันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้นปีละ 90,000 คอร์กิโลเมตร ขณะเดียวกันอนาคต TTTBB มีการเติบโตขึ้นมีโอกาสนำทรัพย์สินขายเข้า JASIF เพิ่มเติมได้

          ขณะเดียวกันมั่นใจว่าจะสามารถขายหน่วยลงทุน JASIF ได้หมด และมีโอกาสจองซื้อเกินจำนวนเสนอขายได้ เนื่องจากได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี มีดีมานด์ทั้งนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากการโรดโชว์ให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยนักลงทุนมองในเรื่องความมั่นคงของรายได้ของกองทุนฯ ซึ่ง TTTBB เป็นผู้เช่าหลัก

          บริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนไตรมาส 1/58 พร้อมทั้งเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) หลังจากการขายกองทุนดังกล่าวเสร็จสิ้น เพื่อนำกำไรส่วนหนึ่งปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น ส่วนจะจ่ายในอัตราเท่าไรต้องรอหลังจากการขายกอง JASIF เสร็จสิ้นก่อน

          ทั้งนี้ เงินที่ได้มาจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนจะนำมาลงทุนเพิ่ม คืนเงินกู้ และจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น JAS โดยในปีนี้บริษัทใช้เงินลงทุน 5,000-6,000 ล้านบาทในการขยายโครงข่าย และ Node ทำให้ลูกค้าของบริษัทเพิ่มขึ้น

          โดยบริษัทตั้งเป้าหมายมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 400,000 ราย โดยเป็นลูกค้า FTTx ประมาณ 15% ของลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าอยู่ที่ 1.6 ล้านราย เป็นลูกค้า FTTx อยู่ประมาณ 40,000 ราย ทำให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีลูกค้าทั้งสิ้น 2 ล้านราย ส่งผลให้ปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 30% จากปี 2557 ที่คาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายตั้งไว้เติบโต 15% จากปี 2556 ที่มีรายได้อยู่ที่ 11,260.21 ล้านบาท และ EBITDA Margin ขยับเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2% จากปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 57%

          “โดยบริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนไตรมาส 1/58 โดยเงินบางส่วนไปจ่ายปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้น แต่จ่ายอัตราใดต้องดูอีกทีหลังจบการขายกองทุนและขอมติ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทว่าจะจ่ายเท่าไร” นายพิชญ์ กล่าว

          นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวงจำกัด กล่าวว่า เงินที่นักลงทุนจะได้รับปีแรกหรือปี 2558 ตามหนังสือชี้ชวนอยู่ที่ประมาณ 8.6-9% แบ่งเป็นเงินปันผล 7.8-8.2% และการจ่ายลดทุน 0.8% เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากค่าเช่ารับล่วงหน้า โดยการจ่ายลดทุนดังกล่าวจะเกิดเฉพาะ 3 ปีแรกเท่านั้น

          “คาดว่า JASIF จะสามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้ประมาณกลางเดือนก.พ.นี้ ผลกำไรส่วนใหญ่ JASIF มาจากรายได้ตามสัญญาเช่าหลัก และสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าและหักค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเงินจ่ายคืนผู้ลงทุนปีแรกอยู่ที่ 4,962.9 ล้านบาท” นายวศิน กล่าว