JAS รอจังหวะซื้อหุ้นคืนอีกปันผลพิเศษ

Published on 2015-01-26   By โพสต์ทูเดย์

          โพสต์ทูเดย์ "พิชญ์" แย้มอาจจัดโครงการซื้อหุ้นคืนอีกรอบ  มั่นใจ ผู้ลงทุนจองซื้อ JASIF อื้อ หนุนรายได้โต 30%

          จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS)  ได้จัดโครงการซื้อหุ้นคืนมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2550 รวมแล้ว 5 ครั้ง  ซื้อหุ้นคืนทั้งหมด  2,434 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 2,499 ล้านบาท และทุกครั้งไม่ได้ขายคืน แต่เลือกวิธีการลดทุนจดทะเบียนครั้งล่าสุดเพิ่งยุติการซื้อหุ้นคืน เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2557 ได้ซื้อหุ้นรวม 142 ล้านหุ้น  เป็นเงิน 989 ล้านบาท

          นายพิชญ์ โพธารามิก ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร  JAS เปิดเผยว่า  หุ้นที่ได้ซื้อคืนมา บริษัทคงจะใช้วิธีการลดทุนจดทะเบียนเช่นเดิม ส่วนจะมีการจัดโครงการซื้อหุ้นคืนเพิ่มอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับราคาหุ้นของ JAS หากบริษัทยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ราคาหุ้นยังมีโอกาสเพิ่มในทิศทางที่ดี ก็มองว่าน่าจะมีโอกาสจัดโครงการซื้อหุ้นคืนอีก

          "บริษัทมีแนวทางในการดูแลผู้ถือหุ้น 2 ทาง คือการจ่ายเงินปันผล การซื้อหุ้นคืนและปล่อยให้ลดทุน  หากผลประกอบการยังโตต่อเนื่องก็คิดว่าน่าจะจัดโครงการซื้อหุ้นคืนอีก" นายพิชญ์  กล่าว

          สำหรับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) จะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ.นี้ มีความมั่นใจว่า จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเกินจำนวนเสนอขาย 5,500 ล้านหน่วย แบ่งการจัดสรรให้นักลงทุนในประเทศ 60% หรือ 3,300  ล้านหน่วย และอีก 2,200 ล้านหน่วย จัดสรรให้กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 40%

          สาเหตุที่ทำให้ JASIF มีความน่าสนใจเนื่องจากเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตรายแรกของประเทศ มีรายได้ค่าเช่าซึ่งถือเป็นรายได้สม่ำเสมอ จะจ่ายเงินปันผลในช่วง 7.8-8.2% สูงเกินกว่าเงินฝากในประเทศต่ำเพียง 2%

          นอกจากนี้ ผลจากการเดินทางไปให้ข้อมูล (โรดโชว์) นักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ สหรัฐ  ยุโรป ฮ่องกง และสิงคโปร์ พบว่านักลงทุนได้ให้ความสนใจ โดยเฉพาะมองว่าธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก

          ทั้งนี้ ในวันที่ 4 ก.พ. จะมีการสำรวจความต้องการ (บุ๊คบิวต์) จากช่วงราคา 10-10.50 บาท ทำให้ทราบราคาขายของ JASIF ซึ่งกองทุนจะมีมูลค่าประมาณ 5.5-5.77 หมื่นล้านบาท  กระบวนการขายสินทรัพย์จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกนี้ และทาง JAS   คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวในไตรมาสแรกนี้เช่นกัน หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นของ JAS ด้วย แต่จะจ่ายในอัตราเท่าไหร่ต้องรอหลังจากการขาย   JASIF เสร็จสิ้นก่อน

          "ตามเงื่อนไขของกองทุน JASIF ระบุให้ทาง JAS สามารถขายหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่ปีที่ 4 แต่ทางบริษัทยืนยันว่าจะเป็นการถือลงทุนระยะยาว และในอนาคตมีแผนจะนำเส้นใยแก้วนำแสงขายเข้ากองทุนอีก" นายพิชญ์ กล่าว

          สำหรับเงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนในครั้งนี้ จะนำไปชำระหนี้และอีกส่วนจะนำไปใช้ในการลงทุนปี 2558  เบื้องต้นกำหนดเงินลงทุน 5,000-6,000 ล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกตำบลทั่วประเทศ จากปัจจุบันนี้ครอบคลุม 3,700 กว่าตำบล หรือประมาณ 50% ของตำบลทั่วประเทศ และมีแผนจะขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มเป็น 2 ล้านรายภายในปีนี้ จากปัจจุบัน 1.6 ล้านราย

          คาดหวังว่ารายได้ปีนี้ไม่รวมรายได้จากการขายสินทรัพย์จะเติบโต 30% จากปี 2557 และอัตรากำไรของอีบิตดา (อีบิตดา มาร์จิ้น) สูงเกินกว่าปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ 57%