กสทช.รับรอง JASIF เป็นอินฟราฯ แชริ่งจริง

Published on 2014-12-04   By ข่าวหุ้น

          เป็นอินฟราฯแชริ่งจริง

          "กสทช." รับรองกองทุน JASIF เป็นอินฟราสตรัคเจอร์ แชริ่งที่แท้จริง พร้อมส่งหนังสือยืนยันตอบกลับไปยังก.ล.ต.แล้ว คาดถึงวันนี้

          นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สายงานกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงานกสทช.ได้ส่งหนังสือตอบกลับไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เป็นการใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน (Infrastructure Sharing) คาดว่าหนังสือดังกล่าวจะถึง ก.ล.ต.ในวันนี้ ( 3 ธ.ค. 57)

          หลังจากทาง ก.ล.ต.ได้ส่งหนังสือสอบถามมายังกสทช. ถึงการใช้บางคำในหนังสือชี้ชวนเกี่ยวกับสัญญาเช่าหลัก 80% ของทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทั้งหมด และสัญญาเช่ารอง 20% ของทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงทั้งหมดที่บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) ซึ่งเป็นผู้เช่าหลักของ JASIF จะต้องจ่ายค่าเช่าให้กับ JASIF

          ดังนั้น เมื่อ ก.ล.ต.ส่งหนังสือมา กสทช.ก็ได้เรียกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เข้ามาชี้แจงถึงความหมายของสัญญาการเช่าดังกล่าว ซึ่งได้ชี้แจงว่าสัญญาเช่าหลัก 80% ทาง TTTBB เป็นผู้เสียค่าเช่า เนื่องจากเป็นผู้เช่าหลัก ส่วนสัญญาเช่ารอง 20% ทาง TTTBB เป็นผู้เสียค่าเช่า เพื่อเป็นการชดเชยค่าเสียโอกาสของ JASIF ในกรณีที่ยังไม่มีผู้อื่นเข้ามาเช่าร่วมเท่านั้น และยังเปิดให้ผู้อื่นเข้ามาเช่าร่วมได้

          “ก.ล.ต.ท้วงติงบางคำในหนังสือชี้ชวนว่าตีความหมายแล้ว JASIF จะเป็น Infrastructure Sharing หรือไม่ ซึ่งทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน เมื่อเราคุยกับบลจ.บัวหลวง และ JAS ถึงความหมายของสัญญาเช่าแล้ว เราจึงส่งหนังสือตอบกลับ ก.ล.ต.ไปว่ากองทุนฯ เป็น Infrastructure Sharing ซึ่ง ก.ล.ต.คงต้องให้แก้ไขให้ชัดเจน เพื่อให้สะท้อนวัตถุประสงค์ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานว่าผู้อื่นเข้ามาเช่าได้ด้วย” นายก่อกิจ กล่าว

          บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า JAS เริ่มออกโรดโชว์ให้ข้อมูลกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 55,000-57,750 ล้านบาท ซึ่งเป็นข่าวบวกต่อ JAS เพราะหากขายกองทุนได้สำเร็จตามเป้าหมาย JAS จะสามารถบันทึกกำไรพิเศษ โดยเบื้องต้นคาดราว 20,000 ล้านบาท รวมถึงจะได้เงินสดที่จะเข้าสู่บริษัท โดยเบื้องต้นคาด 23,000 ล้านบาท

          โดย JAS วางแผนจะนำเงินสดที่ได้รับไปชำระหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดดอกเบี้ยจ่าย 300 ล้านบาทต่อปี และนำไปลงทุนขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ต 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่บริการจากที่มี 3,800 ตำบล เป็น 7,400 ตำบลทั่วประเทศ ซึ่ง JAS คาดจะช่วยให้สามารถหาลูกค้าใหม่เพิ่มเติมได้จากปัจจุบันที่ราว 240,000 รายต่อปี เป็น 400,000 รายต่อปี โดยส่วนที่เหลือ 8,000 ล้านบาท อาจพิจารณาจ่ายเป็นเงินปันผลพิเศษ คาดราว 1.1 บาทต่อหุ้น

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความกังวลให้ฝ่ายวิจัย คือ ผลประกอบการ JAS หลังตั้งกองทุนฯ เนื่องจาก JAS จะต้องมีภาระค่าเช่าเฉลี่ยปีละ 6,000 ล้านบาท ขณะที่ส่วนที่จะชดเชยได้ผลกระทบค่าเช่าได้แน่นอนขณะนี้มีมูลค่าราว 3,160 ล้านบาท ประกอบด้วย ส่วนแบ่งกำไรจากการถือกองทุนฯ เฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคาที่ประหยัดขึ้นปีละ 500 ล้านบาท หลังขายกรรมสิทธิ์ให้กองทุนฯ และรายได้ค่าดูแลสินทรัพย์และค่าใช้จ่ายที่กองทุนรับผิดชอบแทนและดอกเบี้ยจ่ายลดลง 660 ล้านบาท

          ทั้งนี้ JAS คาดหวังอีกส่วนชดเชยจากรายได้เพิ่มเติมจากการหาลูกค้าใหม่ๆ ตามการขยายพื้นที่โครงข่ายดังกล่าวมาชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เหลืออีกเฉลี่ยกว่าปีละ 2,800 ล้านบาท ซึ่งฝ่ายวิจัยยังไม่มั่นใจว่า JAS จะทำเป้าหมายหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งกรณีเลวร้าย หาก JAS ทำไม่ได้ตามเป้าหมาย อาจทำให้กำไรในแต่ละปีไม่เติบโต

          ก่อนหน้านี้ นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย JASIF กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับ 1 แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) JASIF แล้ว ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดจะสามารถเสนอขายหน่วยลงทุน JASIF ได้ทันภายในปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ก.ล.ต.

          สำหรับเงินที่นักลงทุนจะได้รับในปีแรก หรือในปี 2558 จะอยู่ที่ประมาณ 8.59-9.02% โดยแบ่งเป็นเงินปันผล 7.80-8.19% และการจ่ายลดทุน 0.80-0.84% เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากค่าเช่ารับล่วงหน้า

          ก่อนหน้านี้ นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS กล่าวว่า เงินที่ได้มาจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนจะนำมาลงทุนเพิ่ม คืนเงินกู้ และจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น JAS โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจากการที่มีการลงทุนเพิ่มจะทำให้ในปี 2558 มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 400,000 ราย โดยเป็นลูกค้า FTTx ประมาณ 25% ของลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าอยู่ที่ 1.6 ล้านราย เป็นลูกค้า FTTx อยู่ประมาณ 40,000 ราย ทำให้สิ้นปี 2558 บริษัทจะมีลูกค้าทั้งสิ้น 2 ล้านราย ส่งผลให้ปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 30% จากปีนี้